ชาวบุรีรัมย์จี้รัฐเร่งพิสูจน์-ทวงคืน “เทวรูปอวโลกิเตศวร” อายุพันปี ฝรั่งนำไปประมูลขาย

บุรีรัมย์- ชาวบ้านโคกเมือง ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เรียกร้องให้กรมศิลป์ และรัฐบาลไทยเร่งตรวจสอบ “เทวรูปอวโลกิเตศวร” ประติมากรรมสัมฤทธิ์กลุ่มประโคนชัย อายุกว่า 1,000 ปี ที่บริษัทนำไปประมูลขายในต่างประเทศ ระบุหากพบเป็นวัตถุโบราณนำไปจากปราสาทปลายบัด อ.ประโคนชัย ให้นำกลับคืนมาเป็นสมบัติของท้องถิ่นของชาติไทย อย่างเช่นทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์

วันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านโคกเมือง ม.15 ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของ “ปราสาทปลายบัด” ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพนมรุ้ง ที่เชื่อว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 หรือกว่า 1,000 ปี ได้เรียกร้องให้กรมศิลปากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาล ได้ดำเนินการตรวจสอบ “เทวรูปอวโลกิเตศวร” ที่ได้มีบริษัทเอกชนในต่างประเทศนำออกมาประมูลในราคาหลายล้านบาท และได้มีการเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างกว้างขวาง

พร้อมมีการระบุว่า เทวรูปอวโลกิเตศวร ดังกล่าวได้ถูกลักลอบขุดออกไปจากพื้นที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อันเป็นที่ตั้งปราสาทปลายบัด อยู่ห่างจากหมู่บ้านโคกเมือง ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย ประมาณ 3 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งหากตรวจสอบพบว่า เทวรูปอวโลกิเตศวร ประติมากรรมสัมฤทธิ์กลุ่มประโคนชัย ได้ถูกลักลอบขุดออกไปจากปราสาทปลายบัดดังกล่าวจริง ชาวบ้านโคกเมือง ร้องเรียกขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาแนวทางติดตามกลับคืนมาประดิษฐานอยู่ที่ปราสาทปลายบัดเช่นเดิม

เนื่องจากถือว่าเทวรูปดังกล่าวเป็นสมบัติของท้องถิ่น และของประเทศไทย อย่างเช่นการทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ บนปราสาทพนมรุ้ง และขณะนี้ปราสาทปลายบัดกำลังถูกบูรณะให้มีสภาพที่สมบูรณ์ เนื่องจากเดิมได้ผุพังตามสภาพของกาลเวลา หากมีการบูรณะเสร็จสิ้น และนำเทวรูปมาประดิษฐานไว้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และประชาชนขึ้นไปชม และสักการะ สร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นในอีกทางหนึ่งด้วย

นายสมหวัง วังหอม อายุ 60 ปี หนึ่งในชาวบ้านบ้านโคกเมือง บอกว่า ที่ผ่านมา เมื่อประมาณปี 2512-2513 พื้นที่รอบปราสาทปลายบัด ได้มีกลุ่มคนทั้งใน และนอกพื้นที่เข้าไปลักลอบขุดหาวัตถุโบราณ รวมถึงเทวรูปเก่าแก่ต่างๆ เพื่อนำไปขาย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปราสาทมีสภาพชำรุดเสียหาย จากกรณีดังกล่าวจึงขอให้กรมศิลปากร หน่วยงานที่รับผิดชอบ และรัฐบาลได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของเทวรูปอวโลกิเตศวร ที่ถูกนำไปประมูลขาย และเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียที่ต่างประเทศ

“หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นวัตถุโบราณที่นำไปจากปราสาทปลายบัดจริง อยากให้ทวงคืนกลับมาประดิษฐานไว้ที่ปราสาทปลายบัด เพื่อเป็นสมบัติของท้องถิ่น และของประเทศไทย ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษา และอนุรักษ์ไว้สืบไป” นายสมหวัง กล่าว