ศรีสะเกษ - แก๊งตัดไม้พะยูงเหิมเกริมหนัก ยกพวกบุกกราดยิงปืนใส่ชาวบ้านศรีสะเกษปล้นตัดไม้พะยูงอายุร่วม 100 ปี ขนขึ้นรถไปต่อหน้าต่อหน้าหนีลอยนวล ผู้ใหญ่บ้านเผยไม้พะยูงอยู่ในที่ดินมีโฉนด แต่ตำรวจไม่สนใจติดตามกลุ่มคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านนาหมู่ 9 ต.ซำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายพงษ์ ศรบุญทอง อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมด้วย นางประเสริฐ บุญมานพ อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 9 บ้านนา นายพันธ์ แก้วพวง อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 9 และ น.ส.วาสนา บุญมานพ อายุ 16 ปี หลานสาวของนางประเสริฐ ได้นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบร่องรอยของต้นไม้พะยูงที่ถูกคนร้ายมาปล้นเอาไปเมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.15 น. ของคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยพบว่า ต้นพะยูงถูกตัดโค่นล้มลงมีร่องรอยตัดทอนเอาไป จำนวน 3 ท่อน เหลือเพียงท่อนปลายของไม้พะยูงโค่นล้มอยู่ในป่า โดยบริเวณที่คนร้ายปล้นเอาไม้พะยูงไปนั้นอยู่ห่างจากบ้านเรือนของ นางประเสริฐ ที่เป็นเจ้าของประมาณ 30 เมตรเท่านั้น และมีบ้านเรือนของญาติพี่น้อง นางประเสริฐ อยู่รอบบริเวณ
นางประเสริฐ บุญมานพ อายุ 74 ปี เจ้าของต้นไม้พะยูงที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไป เล่าด้วยน้ำเสียงจากอาการตื่นเต้นว่า ก่อนหน้านี้ มีชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งมาหาตนที่บ้าน และขอซื้อไม้พะยูงต้นนี้ ซึ่งอายุประมาณ 80 ปี ในราคา 220,000 บาท โดยได้พูดคุยขอซื้อกับลูกสะใภ้ของตน แต่ตนไม่ขาย และวันต่อมามีกลุ่มคนชุดใหม่มาขอซื้อไม้พะยูงอีก โดยจะให้ราคา 50,000 บาท อ้างว่าไม้พะยูงไม่สวย ไม่มีแก่น แต่ตนยังไม่ขาย
พอมาช่วงเวลาประมาณ 00.15 น.ของคืนที่ผ่านมาได้มีกลุ่มคนร้ายจำนวนประมาณ 8 คน มีรถ 2 คัน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้มาทำการตัดต้นไม้พะยูง และคนร้ายได้ใช้ไฟส่องมายังบ้านของตน พร้อมทั้งยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าต่อเนื่องกันประมาณ 4-5 นัด ตน และหลานสาวตกใจกลัวจึงหลบอยู่บนบ้าน ขณะเดียวกัน คนร้ายอีกประมาณ 2 คน ได้ใช้ไฟส่องไปที่บ้านของนายพันธ์ แก้วพวง อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 9 พี่ชายของตนซึ่งบ้านอยู่ใกล้กัน และร้องขู่ว่าให้นายพันธ์ ปิดไฟ จากนั้นคนร้ายได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นพะยูงล้มลง และตัดทอนไม้พะยูงเป็น 3 ท่อน นำเอาไม้พะยูงมาขึ้นรถปิกอัพหลบหนีไป
น.ส.วาสนา บุญมานพ อายุ 16 ปี หลานสาวของนางประเสริฐ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตน และยายได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังมาก จึงลงมาแอบดูตรงช่องประตูข้างห้องน้ำ และคนร้ายเหลือบมาเห็นตน และได้ยิงปืนใส่ตน จำนวน 2 นัด ตนรีบวิ่งขึ้นไปหลบบนบ้าน และได้โทรศัพท์แจ้งให้นายพงษ์ ศรบุญทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ซึ่งเป็นญาติของตนได้ทราบ เพื่อให้มาตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือ เกรงว่าจะถูกคนร้ายเข้ามาทำร้าย แต่นายพงษ์ ยังมาไม่ถึง คนร้ายได้ขนเอาไม้พะยูงขึ้นรถไปจนหมดแล้ว
ขณะที่นายพงษ์ ศรบุญทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 กล่าวว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จึงได้ออกจากบ้านที่อยู่ใกล้กันจะเดินมาตรวจสอบเหตุการณ์ ได้มาพบรถปิกอัพคันหนึ่งจอดอยู่ มีชาย 2 คน ยืนอยู่ข้างรถ และร้องตะโกนบอกตนว่าอย่ามายุ่งเรื่องของกู ให้หนีไป ตนเกรงจะโดนทำร้ายจึงได้รีบวิ่งหนีไปหลบซ่อนอยู่ข้างคันนา และได้โทรศัพท์แจ้ง 191 เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือโดยด่วน แต่ตำรวจยังมาไม่ถึงคนร้ายได้พากันขนไม้พะยูงขึ้นรถหลบหนีไป โดยเป็นรถปิกอัพสีดำกับสีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน คนร้ายหลบหนีไปประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถติดตามจับกุมรถที่ต้องสงสัย และคนร้ายได้
นายพงษ์ กล่าวต่อว่า การกระทำของคนร้ายกลุ่มนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เหมือนกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของต้นไม้พะยูง เพื่อข่มขู่ไม่ให้เข้ามาขัดขวางการตัดต้นไม้พะยูง เป็นการปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน และไม้พะยูงนี้อยู่ในพื้นที่ดินที่มีโฉนด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มาดำเนินการตามกฎหมายเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้แต่อย่างใด
ตนได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูที่เกิดเหตุพูดว่า ไม่ต้องตามไปหรอก ป่านนี้เอาไม้พะยูงไปขายแบ่งเงินกันเสร็จแล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าที่จะติดตามไล่จับกุมคนร้าย เพราะรถทั้ง 2 คันของคนร้ายมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมืองศรีสะเกษ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตน และชาวบ้านมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เกรงว่าคนร้ายอาจย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายจนถึงกับเสียชีวิตก็ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายด้วย เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เรียกพวกตนไปสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้ เพียงแค่มาดูที่เกิดเหตุแล้วกลับไปเท่านั้น