xs
xsm
sm
md
lg

วอนรื้อคดีใหม่! พ่อบุรีรัมย์ร้องขอความเป็นธรรม ลูกชายถูกยัดข้อหาปล้นทรัพย์ จำคุก 18 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พ่อพร้อมญาติชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายวัย 21 ปี หลังถูกจับยัดข้อหา“ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ” ถูกศาลพิพากษาจำคุก18 ปี ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด วันนี้ ( 10 ก.พ.)
บุรีรัมย์ - พ่อพร้อมญาติชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายวัย 21 ปี หลังถูกจับยัดข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ” ถูกศาลพิพากษาจำคุก 18 ปี ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดมีพยานยืนยันชัดเจนแต่ตำรวจไม่รับฟัง ทั้งหลักฐานหลายอย่างขัดแย้งกับข้อเท็จจริง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ครอบครัวหวั่นตกเป็นแพะ เรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีใหม่อีกครั้ง

วันนี้ (10 ก.พ.) นายฉัตร คงดี อายุ 49 ปี ชาวบ้านหนองปลาแดกใหญ่ ม.6 ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ บิดาของนายสุรวัตร คงดี หรือเจมส์ อายุ 21 ปี พร้อมญาติพี่น้อง ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่นายสุรวัตร คงดี บุตรชาย หลังได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ จับกุมและยัดข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส”

โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 เม.ย. 2556 ขณะที่นายทองดำ พลยาง พ่อค้ามีดชาว จ.ร้อยเอ็ด ได้ขับรถยนต์มาตระเวนขายมีดในท้องที่ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ แล้วถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 3 คน ใช้อาวุธมีดดักปล้นจี้ระหว่างทางและเกิดการต่อสู้ทำร้ายกันระหว่างคนร้ายกับผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นนายสุรวัตร คงดี มีชื่อถูกออกหมายจับตามคำให้การของผู้เสียหายว่ามีชายผมฟูเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุด้วย ทั้งที่นายสุรวัตรได้เดินทางไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่ จ.ปทุมธานี พร้อมกับเพื่อนในหมู่บ้านอีก 2 คน ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2556 ก่อนวันเกิดเหตุ 1 วัน แต่เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ญาติจึงได้พานายสุรวัตรเดินทางเข้ามอบตัวที่ สภ.ห้วยราช เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2558 โดยได้นำหลักฐานตั๋วรถบัสที่ระบุวันเวลาเดินทาง พร้อมพาเพื่อนที่เดินทางไปพร้อมกัน 2 คนมาร่วมเป็นพยานด้วย

แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับฟัง ทั้งได้ควบคุมตัวนายสุรวัตรไว้ดำเนินคดีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และไม่ให้ประกันตัว อีกทั้งวันที่มอบตัวตามร่างกายของนายสุรวัตรไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้ตามที่ผู้เสียหายให้การแต่อย่างใด ประกอบกับผลตรวจอีเอ็นเอก็ไม่ตรงกับลายนิ้วมือของคนร้ายที่ก่อเหตุ รวมถึงหลักฐานหลายอย่างขัดแย้งกับข้อเท็จจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับทำสำนวนส่งฟ้องอัยการในทันที

จึงสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในการทำคดีและกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวและญาติได้พยายามต่อสู้คดี และยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ มาโดยตลอดแต่ก็ไม่เป็นผล

นายสุรวัตรได้ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 18 ปี แต่ลดโทษเหลือ 11 ปี 1 เดือน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนางรอง จ.บุรีรัมย์เป็นเวลา 2 ปีเศษแล้ว

จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจได้พิจารณารื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ตกเป็นแพะรับบาปเหมือนกับตัวอย่างหลายๆ คดีที่ผ่านมา และที่สำคัญควรจะนำผู้กระทำผิดตัวจริงมาลงโทษ

นายฉัตร คงดี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลักฐานหลายอย่างขัดแย้งกับความเป็นจริง ทั้งผลตรวจดีเอ็นเอที่ไม่ตรงกัน ประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายที่ระบุว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 3 คน แต่ทำไมจึงจับกุมดำเนินคดีลูกชายของตนเองเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่ยอมรับฟังพยานใดๆ เลย หากทำคดีตรงไปตรงมาจริงต้องรับฟังพยานหลักฐานจากทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เกิดกรณีการจับแพะหรือจับผิดตัว

ทั้งนี้ยังยืนยันว่าลูกชายของตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ทุกวันนี้เวลาไปเยี่ยมลูกที่เรือนจำลูกชายจะบอกกับตนเองเสมอว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตนสงสารลูกมากแต่ไม่รู้จะช่วยเหลือลูกได้อย่างไร จึงอยากเรียกร้องให้มีการพิจารณารื้อฟื้นคดีขึ้นมาสืบสวนสอบสวนใหม่อีกครั้งเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกชายด้วย

ขณะที่ นายสนอง และนางทองดี ตายายของนายสุรฉัตร ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า หลานบริสุทธิ์ ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะนอกจากหลักฐานหลายอย่างที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงแล้ว ประวัติที่ผ่านมาหลานชายก็ไม่เคยมีเรื่องหรือคดีความเลย ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่สรุปรวบรัดเพียงเพราะคำให้การหรือการชี้ตัวที่ระบุว่าลักษณะท่าทางคล้ายคลึงกันเท่านั้น เพราะหากมีหลักฐานชี้ชัดเจนว่าหลานชายกระทำผิดจริงไม่ปกป้องคนผิดอยู่แล้ว

จึงอยากร้องขอให้มีการรื้อคดีใหม่อีกครั้ง และให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย





กำลังโหลดความคิดเห็น