อ่างทอง - สาววัยเบญจเพสเมืองอ่างทอง ขับขี่จักรยานยนต์กลับบ้านหลังเลิกงาน ถูกคนร้าย 3 คน ดักปล้นกลางทางด้วยการถีบรถให้ล้มแล้วตีหัวจนแตก ก่อนชิงรถ จยย.หนีหายไปในความมืด
เมื่อเวลา 21.00 น.คืนวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.อภิเชษฐ์ จำปาทอง ร้อยเวรสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้าย 3 คน ดักปล้นทรัพย์ และทำร้ายร่างกายหญิงสาวได้รับบาดเจ็บที่บริเวณริมถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ หน้าแคมป์ปูน หมู่ 2 ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญสม ใบละมุด สว.สส.สภ.เมืองอ่างทอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน
ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายโดนทำร้ายร่างกายมีบาดแผลแตกที่บริเวณศีรษะ จึงเร่งนำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง เพื่อทำการรักษา ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นงลักษณ์ สุขไสย อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 65 หมู่5 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง และถูกปล้นทรัพย์ไปเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กก 8176 อ่างทอง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.นงลักษณ์ ทำงานอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองอ่างทอง หลังจากเลิกงานได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กำลังเดินทางกลับบ้านที่ตำบลหัวตะพาน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน ผู้ชายวัยรุ่น 3 คน จอดคุยกันอยู่ข้างทาง เมื่อ น.ส.นงลักษณ์ ขับขี่ผ่านคนร้ายทั้ง 3 คน จากนั้นคนร้ายทั้ง 3 คน จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ตามมาประกบรถจักรยานยนต์ของ น.ส.นงลักษณ์ พร้อมกับถีบรถจักรยานยนต์ของ น.ส.นงลักษณ์ แต่รถไม่ล้ม น.ส.นงลักษณ์ จึงได้ถีบสวนคนร้ายกลับไป
ขณะเดียวกัน คนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบมาทางด้านหลังรถของ น.ส.นงลักษณ์ ได้ใช้อาวุธตีเข้าที่ศีรษะของ น.ส.นงลักษณ์ จนรถจักรยานยนต์เสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางทำให้ น.ส.นงลักษณ์ ได้รับบาดเจ็บมีรอยแตกบริเวณคิ้ว และตามลำตัวฟกช้ำมีแผลถลอก จากนั้นคนร้ายทั้ง 3 คน ได้วิ่งลงมาหวังทำร้ายต่อ น.ส.นงลักษณ์ จึงได้รีบยกมือไหว้ร้องขอชีวิต คนร้ายจึงได้นำจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กก 8176 อ่างทอง ขับหนีหายไปในความมืด
หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานทางวิทยุสกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี แต่ก็ไร้วีแววคนร้ายทั้ง 3 คน
ส่วนที่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเศษกระจก เศษชิ้นสวนรถสีแดง คาดว่าเป็นของคนร้าย พร้อมรองเท้า และกระสุนปืน .38 ที่ยังไม่ได้ใช้งานตกอยู่ จึงเก็บรวบรวมเป็นหลักฐาน พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนีเพื่อนำมาเป็นหลักฐานเร่งหาเบาะแสตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตาทกฎหมายต่อไป
