สุรินทร์ - พิสูจน์รักแท้...เจ้าสาวไร้ขาชาวเมืองช้าง เผยชีวิตมืดมนคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง หลังถูกตัดขาทั้ง 2 ข้าง ขณะแฟนหนุ่มให้กำลังใจ พร้อมพิสูจน์รักแท้เป็นขาให้ และไม่คิดหนีจากไปไหน พร้อมทำตามสัญญาอุ้มเจ้าสาวขึ้นเวทีแต่งงาน ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างปกติสุข เป็นตัวอย่างความรักนิรันดรวันวาเลนไทน์ สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น
วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชีวิตรักแท้ของหนุ่มสาวสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ทราบชื่อ คือ นายวีระพล หรือ “ย๊ะ” สุดตลาวดี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 บ.หนองเยีย ม.3 ต.บุฤาษี อ.เมือง จ.สุรินทร์ และ น.ส.อรอมล หรือ “หนูนา” สมิง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 บ.เปรียง ม.14 ต.สำโรง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยได้เปิดร้านขายเสื้อผ้า และเครื่องสำอางชื่อร้าน “NY Goods shop” อยู่บริเวณสามแยกวัดปทุมเมฆ เลขที่ 135/7 ถ.เทศบาล 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นความรักที่แตกต่างจากหนุ่มสาวชีวิตคู่ทั่วไป เพราะการดำเนินชีวิตที่ยากลำบากกว่าคนปกติ
ด้วยเหตุที่ฝ่ายหญิงสาวพิการไร้ขาทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากถูกแพทย์ตัดตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงมาเพื่อช่วยชีวิตจากอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง และเส้นเลือดอุดตันฉับพลันมานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2556 ทำให้ฝ่ายชายต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ไม่ว่าดินทางไปแห่งหนใดต้องคอยอุ้มหญิงสาวขึ้นลงรถเสมอ และด้วยหัวใจที่มั่นคง นายวีระพล ไม่เคยคิดหนีจากหญิงสาวพิการผู้นี้ไปไหน
ทั้งนี้ ถึงแม้ทั้งคู่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก จึงพยายามทำงานเก็บหอมรอมริบ รวบรวมเงินเพื่อทำตามสัญญาที่ทั้งคู่เคยให้ไว้ต่อกันมา ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าสาวจะป่วย และถูกตัดขาว่าจะแต่งงานกัน ในที่สุดทั้งคู่ได้แต่งานอย่างสมปรารถนา เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา
โดยงานพิธีวิวาห์ตามประเพณีจัดขึ้นที่บ้านเกิดเจ้าสาว และงานเลี้ยงมงคลสมรสจัดขึ้นที่หอประชุมอำเภอเมืองสุรินทร์ ถึงแม้เจ้าสาวไม่มีขา แต่มีเจ้าบ่าวคอยอุ้มช่วยเหลืออำนวยความสะดวกตลอดพิธีแต่งงาน ทั้งในพิธีงานแต่งภาคเช้า และอุ้มเจ้าสาวขึ้นเวทีงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในช่วงค่ำ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่แขกเหรื่อที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
น.ส.อรอมล หรือหนูนา สมิง เจ้าวสาไร้ขา เปิดเผยถึงชีวิตความรักของตัวเองว่า สาเหตุที่ถูกตัดขาเพราะแพ้ยา หลังจากเคยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จากนั้นหลายเดือนจึงรู้สึกมีไข้ขึ้น จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ จ.ปทุมธานี และหมอให้ยามาทานหลายชนิด ซึ่งตนก็ไม่ได้บอกหมอว่าช่วงนั้นเป็นประจำเดือน และรู้สึกชาขาทั้ง 2 ข้าง ก่อนไปนวดที่ร้านวดแห่งหนึ่งที่ จ.ปทุมธานี โดยเขาให้แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมกับเกลือ และเหล้า จากนั้นก็แพ้ยา และมือบวมหนักขึ้นอีก พอกลับไปหาหมออีกทีหมอเปลี่ยนยาให้ใหม่ และกลับมาแพ้ยาหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
จนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แพทย์จึงแจ้งว่า เส้นเลือดอุดตันฉับพลันต้องตัดข้อเท้าเพื่อรักษาชีวิต แต่ตนยังทำใจไม่ได้จึงไม่ยอมตัดและขอตายดีกว่า ก่อนกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ ในแบบหมอพื้นบ้าน
จนเวลาผ่านไป ขาทั้ง 2 ข้างเริ่มเน่าขึ้นมาถึงบริเวณหน้าแข้ง จนติดเชื้อ และหมดสติ ในที่สุดต้องถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อย่างเร่งด่วน โดยแพทย์ลงความเห็นว่าจะต้องตัดขาตั้งแต่บริเวณเหนือหัวเข่าลงมาเพื่อรักษาชีวิต และนอนไม่ได้สติรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 3 เดือน
หลังจากรู้สึกตัวตนคิดอะไรไม่ออก ชีวิตมืดมน เพราะแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว พ่อไปมีครอบครัวใหม่ เหมือนคนไม่มีญาติ ถ้าตนไม่มีขาจะไปอยู่กับน้าที่บ้านเกิดก็ไม่ได้ จะรบกวนเขาเพราะเขาฐานนะไม่ดี ตนไม่เหลือใครเลย มีเพียงแฟนคือ นายวีระพล ที่เคยอยู่ลำบากด้วยกันมา เคยอดข้าวอดปลาไม่เคยทิ้งกัน แต่ตนคิดอย่างเดียวว่า แฟนคงจะทิ้งไปแน่นอน คงไม่อยากอยู่ลำบากกับเรา เพราะเราไม่มีขา
ตนคิดที่จะฆ่าตัวตายอย่างเดียว ไม่อยากอยู่แล้ว แต่แฟนเขากลับให้กำลังใจมาตลอด และบอกว่าไม่เป็นไร ถึงตัวเองไม่มีขา แต่เขาจะเป็นขาให้ตัวเอง เขาจะดูแลตัวเอง ตนรู้สึกดีใจไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายดีๆ อย่างเขา และตั้งแต่ถูกตัดขาตนจะรู้สึกหงุดหงิด และอารมณ์ร้อนบ่อยๆ แต่เขาก็อดทน และให้กำลังใจตลอด
“ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่ไม่มีขา พี่ย๊ะดูแลอย่างดีมาโดยตลอด และถึงแม้บางครั้งหนูหงุดหงิดใส่บ้าง ที่ผ่านมา อะไรที่พูดไม่ดีกับพี่ย๊ะ ต้องขอโทษด้วย” สาวไร้ขากล่าว ก่อนบรรจงหอมแก้มแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นภาพที่น่ารัก และประทับใจอย่างยิ่ง
น.ส.อรอมล กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนประชาชนให้ช่วยมาอุดหนุนเสื้อผ้า และเครื่องสำอางที่ร้านของตนด้วย เพื่อจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะไม่มีอาชีพ และรายได้อื่นใด นอกจากขายเสื้อผ้า และเครื่องสำอางดังกล่าว
ทางด้าน นายวีระพล หรือย๊ะ สุดตลาวดี แฟนหนุ่มสาวพิการเปิดเผยว่า เราคบกันมาร่วม 2 ปี ก่อนที่หนูหนาจะถูกตัดขา ช่วงแรกหลังแฟนถูกตัดขารู้สึกลังเลกับชีวิตเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา แฟนเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ผิดอะไร แค่ถูกตัดขา และไม่มีอะไรบกพร่อง และตนพร้อมจะดูแล จึงบอกเขาหลังจากเขาได้สติ
จากนั้นเราจึงมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าโดยให้แฟนดูแล ส่วนตนทำงานอยู่ที่บริษัทขายรถยนต์ใน จ.สุรินทร์ ก่อนเก็บเงินจัดงานแต่งงาน และหลังจากที่เจ้าของโต๊ะจีน ร้านอาหารบ้านนาสุรินทร์ รู้ว่าเป็นงานแต่งงานของตน และเจ้าสาวพิการไม่มีขา เขาสงสารลดราคาโต๊ะจีน และเครื่องเสียงให้อีกด้วย ต้องขอขอบคุณมาก