เชียงราย - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เผย รมว.โรงแรมและท่องเที่ยวของพม่ารับ ป.เอกสังคมศาสตร์ ขณะที่กงสุลจีนประจำเชียงใหม่รับ “ตุงทองคำ” เชิดชูเกียรติ
วันนี้ (9 ก.พ.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่หอประชุมสมเด็จย่า จำนวน 2,056 ราย เป็นปริญญาตรี 1,800 ราย ปริญญาโท 242 ราย และปริญญาเอก 14 ราย จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์, การจัดการ, เทคโนโลยีสารสนเทศ, อุตสาหกรรมเกษตร, นิติศาสตร์, วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, พยาบาลศาสตร์, จีนวิทยา และศิลปศาสตร์
นอกจากนี้ ผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และรางวัลเชิดชูเกียรติ ‘ตุงทองคำ’ ตามที่สภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีมติอนุมัติ ได้แก่ 1. นายฟู่ เสวีย จาง อดีตเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำราชอาณาจักรไทย เข้ารับในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ 2. รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง อดีตนายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยและผู้ก่อตั้งสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์แห่ง มฟล. เข้ารับในสาขาวิชาสังคมศาสตร์
3. รศ.ดร.ประพิณ มโนมัยวิบูลย์ นายกสมาคมครูภาษาจีนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังเป็นราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม สาขาวิชาภาษาต่างประเทศ เข้ารับในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ และ 4.รศ.ดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ นายเฉา เสี่ยวเหลียง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติตุงทองคำ รวมทั้งนายเทย์ ออง (MR. Thay Aung) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโรงแรมและท่องเที่ยว สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรระดับดุษฎีบัณฑิต หรือปริญญาเอกสาขาสังคมศาสตร์
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท ความว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงประจำปีนี้ ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคนที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ
บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร มีความรู้ความสามารถพร้อมแล้ว ย่อมจะต้องออกไปประกอบอาชีพการงานสร้างสรรค์ความสำเร็จ รวมทั้งดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมเป็นจำนวนมาก ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าจึงขอฝากข้อคิดแก่ทุกท่านว่า ในการดำเนินชีวิตและการประกอบกิจการงานนั้น คนเราจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ สิ่งต่างๆ ให้รอบคอบและรอบด้านเพื่อให้วินิจฉัยตัดสินได้ถูกต้อง และประพฤติตนปฏิบัติงานได้เหมาะสมในทุกกรณี แต่การจะใช้ความคิดพิจารณาให้ได้ดังที่กล่าว ต้องอาศัยการฝึกฝนอยู่เสมอ กล่าวคือไม่ว่าจะคิดพิจารณาสิ่งใดจะต้องควบคุมจิตใจให้สงบหนักแน่น ไม่วู่วาม ไม่ปล่อยให้อคติประการต่างๆ เข้าครอบงำ แล้วพิจารณาสิ่งนั้นด้วยเหตุผล และด้วยความละเอียดรอบคอบให้เป็นปรกตินิสัย เมื่อหมั่นฝึกฝนดังนี้ที่สุดก็จะเกิดปัญญาอันกระจ่างแจ่มแจ้ง ทำให้สามารถคิดตัดสินใจและประพฤติปฏิบัติการต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง การรู้จักคิดพิจารณาด้วยใจหนักแน่นเป็นกลาง จึงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่บัณฑิตควรฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้น เพื่อแต่ละคนจะได้สามารถประกอบกิจการงานให้บรรลุถึงความเจริญก้าวหน้า และดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างร่มเย็นเป็นผาสุก
ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคนและทุกท่านที่มาร่วมพิธีนี้ ประสบความสุขสวัสดี พร้อมทั้งความเจริญรุ่งเรืองโดยทั่วกัน”
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังมีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารสำนักงานอธิการบดี เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการที่มหาวิทยาลัยได้เตรียมจัดไว้ในหลายหัวข้อ ได้แก่ ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 40 ปี, บทบาทของมหาวิทยาลัยกับการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข และผลงานทางวิชาการของพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง