xs
xsm
sm
md
lg

DSI ภาค 7 สนธิกำลัง จนท.กาญจน์ทวงคืนผืนป่าสนองนโยบาย คสช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - DSI ภาค 7 สนธิกำลังป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ปทส. ฝ่ายปกครอง สนองนโยบาย คสช.นำกำลังทวงคืนผืนป่ากาญจนบุรี หลังเข้าตรวจยึดมาแล้ว 4 แปลง จาก 11 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ พบบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญทั้งหมด

วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผอ.การศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ร.ต.อ.กฤชณัท เลิศล้ำ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ นายสุรเดช อัคราช ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) นายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ 13 กรมป่าไม้ ร.ต.ต.สุวัฒน์ ห้วยหงษ์ทอง เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.5 บก.ปทส.) ร.ต.ไพบูลย์ ธรรมจาดี หน.ชุดประสานงานประจำพื้นที่ ร้อย รส.ร.9 พัน 2 กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยกระเจา

ร่วมประชุมวางแผนเข้าตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนว่ามีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญ ในพื้นที่หมู่ 8 และหมู่ 9 ต.วังไผ่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พื้นที่บุกรุก จำนวน 11 แปลง ประมาณ 600 ไร่ โดยมี นางโยษิตา เหล่าทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 นายอดุลย์ ใจชื้น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.วังไผ่ อ.ห้วยกระเจา และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมด

โดย พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เปิดเผยในที่ประชุมว่า วันที่ 26 ส.ค.58 ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว 1 ครั้ง จากการตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดพื้นที่ได้ จำนวน 4 แปลง จากทั้งหมด 11 แปลง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้มีการนำพิกัดภาพถ่ายทางดาวเทียมเพื่อตรวจหาค่าพิกัดพื้นที่ที่ยังไม่ได้ตรวจยึดที่เหลืออีก 7 แปลง ซึ่งผลการตรวจสอบค่าพิกัดจนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พื้นที่ที่เหลืออีก 7 แปลง บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญ ดังนั้น จึงนำกำลังเข้ามาตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดให้กลับไปเป็นของรัฐ และจะได้รายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบต่อไป สำหรับพื้นที่ที่ถูกตรวจยึดอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้

ด้าน นายสุรเดช อัคราช ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กล่าวว่า การทวงคืนผืนป่าในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ คสช.ที่เน้นดำเนินการในพื้นที่บุกรุกของกลุ่มนายทุน กลุ่มทุน ผู้มีอิทธิพล โดยต้องไม่ทำให้กระทบต่อประชาชนผู้ยากจนที่ไร้ที่ดินทำกัน หรือผู้ยากไร้

โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคือ ข้อ 1.พื้นที่ที่ถูกบุกรุกตั้งแต่ 25 ไร่ขึ้นไป หากเป็นของชาวบ้านในพื้นที่ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมติ ครม.30 มิ.ย.2541 ส่วนพื้นที่ถูกบุกรุกน้อยกว่า 25 ไร่ แต่มีรูปแบบในการดำเนินการในลักษณะกลุ่มทุนจากต่างต่างถิ่น เช่น มีการสร้างบ้านพักตากอากาศในราคาที่แพง หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น การมุ่งหวังพื้นที่เพื่อนำไปพัฒนาให้เป็นบ้านพักตากอากาศ หรือโรงแรม และรีสอร์ต ก็จำเป็นจะต้องดำเนินการตรวจยึดคืนทันที

สำหรับพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจยึดในครั้งนี้มีทั้งหมด 7 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ ซึ่งก่อนหน้าหน้านี้ เจ้าหน้าที่มาตรวจยึดไปแล้ว 4 แปลง พื้นที่รวมกันประมาณ 600 ไร่ และจากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มนายทุนที่เข้ามาบุกรุกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบุคคลในพื้นที่ เพื่อนำไปปลูกพืชเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา ซึ่งพื้นที่ทั้ง 11 แปลงที่เข้าตรวจยึดอยู่ในพื้นที่ หมู่ 8 และหมู่ 9 โดยหลังจากตรวจยึดแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยกระเจา เพื่อดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น