ปรับภูมิทัศน์ “มอปลาย่าง” เป็นแหล่งเที่ยวใหม่ชมทิวทัศน์ “เขื่อนลำตะคอง”

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชเดินหน้าปรับภูมิทัศน์ “มอปลาย่าง” ริมเขื่อนลำตะคอง ใช้งบร่วม 20 ล้านบาท เน้นปลูกไม้ยืนต้นให้มองเห็นทิวทัศน์ความสวยงามของเขื่อน พร้อมห้ามรถทุกชนิดเข้าไปจอดในพื้นที่เด็ดขาด ส่วนพื้นที่รองรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจัดเข้าพื้นที่ทั้งหมดแล้ว

ช่วงบ่ายวันนี้ (2 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานประชุมคณะทำงานพิจารณาการใช้ประโยชน์และพัฒนาพื้นที่ที่ดินราชพัสดุ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ด้านถนนมิตรภาพ (มอปลาย่าง)

โดยมี พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2, นายสุรพันธ์ ดิสสะมาน รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา นายจักริน เชิดฉาย ประธานภาคีเครือข่ายการต่อต้านคอร์รัปชั่น จ.นครราชสีมา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือกันในเรื่องการออกแบบสภาพภูมิทัศน์จุดที่มีการถูกรื้อย้ายอาคารร้านค้าไปแล้วจำนวน 5 จุด เบื้องต้นมีการออกแบบโดยแขวงการทางนครราชสีมาที่ 2 จะปรับพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ โดยมีการจัดหาพันธุ์ไม้เพื่อนำมาปลูกในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งจะเน้นเป็นไม้สูงยืนต้น เช่น ต้นตาล ต้นคูน ต้นสาธร (ต้นไม้ประจำจังหวัดนครราชสีมา) ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นเสลา เป็นต้น เพื่อให้ด้านล่างโล่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ส่วนพื้นดินมีการปลูกหญ้าเป็นส่วนใหญ่ และมีการปรับพื้นที่ให้เป็นป่าดิบตลอดแนว

ทั้ง 5 จุดมีการออกแบคล้ายคลึงกัน โดยจะกันรถไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งกรมทางหลวงอนุมัติงบประมาณดำเนินการจำนวน 7 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยังขาดอีกประมาณกว่า 10 ล้านบาทที่จะใช้ดำเนินการ ขณะนี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเสนอที่จะให้การสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว

ส่วนการดำเนินการจัดพื้นที่รองรับในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการขอคืนพื้นที่มอปลาย่างนั้น นายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว นายอำเภอปากช่อง ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินราชพัสดุริมอ่างเก็บน้ำลำตะคองว่า

ขณะนี้ได้มีการจัดสรรพื้นที่รองรับให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบแล้วจำนวน 49 ราย โดยแบ่งเป็นพื้นที่รองรับที่เป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 28 ราย และที่ดินเปล่าอีก 21 ราย ขณะนี้เหลือที่ดินเปล่าจำนวน 9 แปลง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้เข้าพื้นที่รองรับดังกล่าว