xs
xsm
sm
md
lg

คณะสงฆ์นักพัฒนาเล็งเปิดเทปพิสูจน์สงฆ์แพร่ขับพระร้องทุจริตพ้นพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แพร่ - เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 4 ภาค เครือข่ายพระฯ เพื่อการพัฒนาภาคเหนือ ส่งผู้แทนเข้าเมืองแพร่ถามหาข้อเท็จจริงกรณีไล่พระร้องทุจริตงบตำบลละ 5 ล้านบาทพ้นจังหวัด ด้าน ผอ.สำนักพุทธฯ ยันไม่ได้ไล่ แค่ไปสอบสวนหลังมีกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านร้องทำนอกเหนือพระธรรมวินัย

พระครูพิพิตสุภาธร (ดร.พระมหาบุญช่วย จ.เชียงใหม่), พระครูสุจินนันทกิจ จ.น่าน, พระครูสมุห์วิเชียร คุณธมโม จ.เชียงใหม่, พระวิสิทธิ์ จิตวิสิทโธ จ.เชียงใหม่ และพระสาธิต ธีรปัญโญ จ.ลำปาง ได้เป็นตัวแทนเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อการพัฒนาภาคเหนือ-เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 4 ภาค เข้าพบนายณฐกร จิรภัคพงค์ ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดแพร่ วานนี้ (1 ม.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแพร่

เพื่อยื่นหนังสือขอทราบเหตุผลกรณีคณะสงฆ์จังหวัดแพร่มีมติขับไล่พระยงยุทธ ทีปโก ที่จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านปางงุ้น ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ หลังจากพระยงยุทธ ได้ออกมาร้องเรียนให้ตรวจสอบการทุจริตในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตำบลละ 5 ล้านบาทของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

พระมหาบุญช่วยได้กล่าวถึงข่าวที่ออกมาทางสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการฯ ที่ทางคณะสงฆ์จังหวัดแพร่แต่งตั้งขึ้นได้เข้าไปพบพระยงยุทธ ทีปโกที่วัดปางงุ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อสอบสวนตามที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.สรอย อ.วังชิ้น ร้องเรียนว่า “พระยงยุทธ ทีปโกมีความประพฤติไม่เหมาะสมสร้างความแตกแยกขึ้นในชุมชน” ซึ่งจากการสอบสวนแล้วมีข้อสรุปอย่างไร และทำไมจึงมีการร้องขอให้พระยงยุทธออกจากวัดปางงุ้น และออกจากจังหวัดแพร่ไป โดยยังไม่ได้สรุปผลการสอบสวนเป็นการใช้อำนาจไปขับไล่เกินกว่าหน้าที่ และมีความชอบธรรมหรือไม่

พระมหาบุญช่วยกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพระยงยุทธได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 4 ภาค และเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อการพัฒนาภาคเหนือมาตลอด งานที่ดำเนินการคือ การปกป้องพื้นที่ป่าและรักษาสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในชุมชน และงานที่เป็นสาเหตุทำให้ถูกขอให้ออกจากจังหวัดแพร่ไป เพราะไปร้องเรียนเรื่องการทุจริต ซึ่งงานดังกล่าวเป็นสิทธิพลเมือง และเป็นงานในนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ในนามเครือข่ายพระสงฆ์เห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะพระในเครือข่ายที่ดำเนินการเรื่องนี้ท่านได้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการร่วมกันปราบปรามการทุจริต ถ้าย้อนไปดูโครงการถือศีล 5 ของพระสงฆ์เองก็ยิ่งชัด โดยเฉพาะในศีลข้อที่ 2 เป็นคนไม่ทุจริตคดโกง การที่พระไปร้องเรียนให้มีการตรวจสอบทุจริตคดโกงก็ไม่น่าจะเป็นความผิดถึงขนาดไปลงโทษ หรือกระทำการบีบบังคับให้ออกจากจังหวัดแพร่

หลังจากนั้นผู้แทนเครือข่ายพระสงฆ์ได้ร่วมกันให้ข้อมูลถึงการทำงานของพระยงยุทธ ทีปโก และร่วมกันหาแนวทางที่ชัดเจนมากกว่าที่เป็นข่าวออกมา

ด้าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแพร่ ที่ได้นิมนต์พระปลัดสายัน จนฺทวณฺโณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดแพร่ ได้ชี้แจ้งว่า เกิดขึ้นจากการร้องเรียนของกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้านระบุถึงการทำงานของพระยงยุทธที่ไม่มีความเหมาะสมกับความเป็นพระสงฆ์ เช่น การทำงานนอกเหนือจากพระธรรมวินัยกำหนด วางตัวไม่เหมาะสม เช่น ถ่ายภาพด้วยตนเอง และพระยงยุทธเข้ามาอยู่ในจังหวัดแพร่ ไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น แต่เป็นลูกวัดของวัดใหม่กลาง ซึ่งเป็นวัดของเจ้าคณะอำเภอวังชิ้น หนังสือร้องเรียนทำให้พระเจ้าอาวาสเกิดความไม่สบายใจ

การที่เข้าไปพบพระยงยุทธในรูปของคณะกรรมการที่เป็นข่าวว่าไปขับไล่พระยงยุทธ ไม่เป็นความจริง คือเข้าไปเก็บข้อมูลสอบหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ถ้าจะไม่ไปก็คงไม่ได้ เพราะเป็นการทำงานในรูปกรรมการสงฆ์จังหวัดแพร่ แต่ยังไม่มีมติใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ที่ปรากฏสื่อมวลชนนำเรื่องไปลงข่าวไม่ตรงความจริง แต่คณะสงฆ์ก็ไม่ติดใจเอาความต่อสื่อที่ปฏิบัติงาน

พระสาธิต ธีรปัญโญ ผู้แทนจาก จ.ลำปาง กล่าวว่า ปัญหานี้คงต้องนำมาพูดคุยกันให้ชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติงานของพระว่าจะทำได้หรือไม่ได้อย่างไร เครือข่ายพระสงฆ์คงต้องไปตรวจสอบเทปบันทึกเสียงระหว่างคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวกับพระยงยุทธว่ามีการพูดคุยกันอย่างไร จะได้ทราบว่าพระยงยุทธ หรือสำนักพุทธและคณะสงฆ์แพร่ ใครเป็นฝ่ายพูดไม่จริง

ทั้งนี้ หลังจากผู้แทนเครือข่ายพระสงฆ์ฯ เดินทางไปยังวัดปางงุ้นเพื่อขอตรวจสอบเทปบันทึกเสียงการพูดคุยของคณะกรรมการฯ ที่เข้าไปพบพระยงยุทธแล้ว ก็จะขอเข้าพบนายฐากูล ดิษฐอำนาจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์) อีกครั้ง เพื่อหาทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น