พะเยา- ผู้ว่าฯ พะเยาเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะปัญหาน้ำในกว๊านพะเยาที่ส่อแววเริ่มเน่าเสีย เกิดสาหร่ายเขียวแกมน้ำเงิน สั่งชลประทานเร่งส่งน้ำเพื่อให้สาหร่ายเจือจาง
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ โดยพบว่าแหล่งเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการใช้ในด้านอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะปริมาณน้ำในกว๊านพะเยา ที่พบว่าเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 หรือเพียง 15.2 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เท่านั้น
โดยในระยะไม่เกินเดือนเมษายนนี้น้ำจะเหลือเพียง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจจะกระทบต่อการผลิตน้ำประปาได้ ขณะเดียวกันยังพบว่าคุณภาพน้ำในขณะนี้เริ่มมีภาวะเน่าเสียแล้วจากการแพร่ระบาดของสาหร่ายน้ำเขียวแกมน้ำเงิน รวมไปถึงน้ำเสียปล่อยลงสู่กว๊านที่ขาดการบำบัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้สั่งการให้โครงการชลประทานพะเยาเร่งแก้ไขปัญหาโดยการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ จำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตรลงสู่กว๊านพะเยา เพื่อให้มีปริมาณน้ำที่เพียงพอ และเจือจางสาหร่ายน้ำเขียวแกมน้ำเงินที่กระจายอยู่ทั่วกว๊านพะเยาในขณะนี้ โดยโครงการชลประทานพะเยาจะต้องขอความเห็นชอบจากกลุ่มผู้ใช้น้ำก่อน เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันแล้ว และพร้อมดำเนินการหากมีความจำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกับผู้บริโภค พร้อมกันนี้ได้ให้สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัด และอบจ.พะเยา นำจุลินทรีย์ฉีดพ่นลงกว๊านพะเยาเพื่อทำลายสาหร่าย และปรับคุณภาพน้ำให้ดีมากยิ่งขึ้นไม่กระทบต่อการผลิตน้ำประปา
ขณะที่ทางประปาพะเยาระบุว่าสาหร่ายดังกล่าวไม่กระทบต่อการผลิตน้ำประปา ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เนื่องจากทางประปาพะเยา มีเครื่องกรองสาหร่ายคุณภาพสูงที่สามารถกรองน้ำได้สะอาด และปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ทางอำเภอทั้ง 9 อำเภอได้มีการสำรวจพื้นที่เสี่ยงเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ ข้อมูลแหล่งน้ำ และข้อมูลความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ในการที่จะวางแผนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง
หลังจากที่จังหวัดพะเยาได้มีการประกาศให้ 6 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง ป้องกันปัจจัยเชิงลบภาคเกษตรที่อาจมีโอกาสกลายเป็นปัญหาการเรียกร้องต่อรัฐบาลด้วย พร้อมกันนี้ได้ขอให้ประชาชนใช้อย่างประหยัดตามสโลแกนที่ว่า “หน้าแล้งปีนี้ เขื่อนมีน้ำน้อย เมื่อต้องใช้สอยให้ค่อยๆ คิด ขอวอนทุกฝ่ายประหยัดสักนิดให้พ้นวิกฤตแล้งไปด้วยกัน”
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ โดยพบว่าแหล่งเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการใช้ในด้านอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะปริมาณน้ำในกว๊านพะเยา ที่พบว่าเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 หรือเพียง 15.2 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เท่านั้น
โดยในระยะไม่เกินเดือนเมษายนนี้น้ำจะเหลือเพียง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจจะกระทบต่อการผลิตน้ำประปาได้ ขณะเดียวกันยังพบว่าคุณภาพน้ำในขณะนี้เริ่มมีภาวะเน่าเสียแล้วจากการแพร่ระบาดของสาหร่ายน้ำเขียวแกมน้ำเงิน รวมไปถึงน้ำเสียปล่อยลงสู่กว๊านที่ขาดการบำบัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้สั่งการให้โครงการชลประทานพะเยาเร่งแก้ไขปัญหาโดยการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ จำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตรลงสู่กว๊านพะเยา เพื่อให้มีปริมาณน้ำที่เพียงพอ และเจือจางสาหร่ายน้ำเขียวแกมน้ำเงินที่กระจายอยู่ทั่วกว๊านพะเยาในขณะนี้ โดยโครงการชลประทานพะเยาจะต้องขอความเห็นชอบจากกลุ่มผู้ใช้น้ำก่อน เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันแล้ว และพร้อมดำเนินการหากมีความจำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกับผู้บริโภค พร้อมกันนี้ได้ให้สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัด และอบจ.พะเยา นำจุลินทรีย์ฉีดพ่นลงกว๊านพะเยาเพื่อทำลายสาหร่าย และปรับคุณภาพน้ำให้ดีมากยิ่งขึ้นไม่กระทบต่อการผลิตน้ำประปา
ขณะที่ทางประปาพะเยาระบุว่าสาหร่ายดังกล่าวไม่กระทบต่อการผลิตน้ำประปา ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เนื่องจากทางประปาพะเยา มีเครื่องกรองสาหร่ายคุณภาพสูงที่สามารถกรองน้ำได้สะอาด และปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ทางอำเภอทั้ง 9 อำเภอได้มีการสำรวจพื้นที่เสี่ยงเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ ข้อมูลแหล่งน้ำ และข้อมูลความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ในการที่จะวางแผนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง
หลังจากที่จังหวัดพะเยาได้มีการประกาศให้ 6 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง ป้องกันปัจจัยเชิงลบภาคเกษตรที่อาจมีโอกาสกลายเป็นปัญหาการเรียกร้องต่อรัฐบาลด้วย พร้อมกันนี้ได้ขอให้ประชาชนใช้อย่างประหยัดตามสโลแกนที่ว่า “หน้าแล้งปีนี้ เขื่อนมีน้ำน้อย เมื่อต้องใช้สอยให้ค่อยๆ คิด ขอวอนทุกฝ่ายประหยัดสักนิดให้พ้นวิกฤตแล้งไปด้วยกัน”