โอละพ่อ! หนุ่มสุรินทร์ขับ จยย.บอกถูกขึงเชือกปาดคอหวังชิงทรัพย์ ตร.พบเป็นแค่เชือกเล่นว่าว

สุรินทร์ - โอละพ่อ! พบแล้วสาเหตุหนุ่มเมืองช้างขับ จยย.บอกถูกคนร้ายขึงเชือกปาดคอหวังชิงทรัพย์ โชคดีรอดตายเชือกถูกหมวกกันน็อกทำให้รถล้มได้รับบาดเจ็บไม่มาก และสื่อหลายแขนงประโคมข่าวกันใหญ่โต ล่าสุด ตร.พบลุงคนช่วยเหลือขณะเกิดเหตุ เผยเป็นแค่เชือกเล่นว่าวพร้อมตัวว่าว ยันไม่ใช่การขึงเชือกขวางถนนเพื่อทำร้ายคนขับขี่ จยย.แน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีหน่วยกู้ภัยสุรินทร์ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก เตือนระวังภัย มือมืดขึงเชือกหวังชิงจักรยานยนต์ กลายเป็นข่าวแพร่กระจายในโลกโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว จนสื่อมวลชนหลายแขนงได้ติดตามประโคมข่าวกันอย่างใหญ่โต เพราะหากเป็นเรื่องจริงถือว่าอันตรายแก่ประชาชนเป็นอย่างมากนั้น

ล่าสุดวันนี้ (6 ม.ค.) เวลา13.00 น. พ.ต.อ.สุวิจักขณ์ จันทร์เยี่ยม ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจุดตรวจท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ ลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ถนนเลียบคลองส่งน้ำบ้านระเภาว์ หมู่ 12 ถนนทางหลวงชนบท สร.6052 เส้นทางเลียบคลองส่งน้ำชลประทานสุรินทร์ ระหว่างบ้านระเภาว์-บ้านท่าสว่าง ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์

เจ้าหน้าที่ได้พบกับนายไหวดี วชิมาเภท อายุ 60 ปี ที่ช่วยเหลือนายขจรศักดิ์ มาชอบ อายุ 21 ปี อยู่บ้านที่ 10 ม.4 ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ หนุ่มขับขี่จักรยานยนต์ที่ถูกเชือกปาดคอ ให้การว่า ตนเป็นคนช่วยเหลือคนที่จักรยานยนต์ล้มเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก ขณะนั้นตนกำลังนั่งกินเนื้อย่างกับหลานอยู่ เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ คืนวันที่ 31 ธ.ค. 58 ได้ยินเสียงจักรยานยนต์เบรกและรถล้มจึงออกมาดูเห็นผู้ประสบเหตุยืนโทรศัพท์จึงถามว่าเป็นอะไรไหม เขาบอกว่าโดนเชือกเอ็น เลยใช้ไฟฉายส่องดูก็เห็นเชือกไนลอนสีเขียวจึงเดินดึงเชือกไล่มาตามถนน จนกระทั่งพบกับว่าวแอก หรือว่าวแม่ลูก สูงประมาณ 70 เชนติเมตร (ซม.) มีคันสะนู ติดมาด้วย 1 คัน

จากนั้นตนได้ดึงว่าวที่ตกในทุ่งนามาให้คนบาดเจ็บดู เขายังเตะว่าวไป 1 ครั้ง คงไม่พอใจที่ว่าวทำให้เขาถูกเชือกปาดคอ และจักรยานยนต์ล้มจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ จุดที่ตัวว่าวตกเป็นอีกฝากหนึ่งของคลองทำให้เชือกว่าวค้างบนสายไฟฟ้าข้างคลอง ระดับสายเชือกไนล่อนที่พาดผ่านถนนจึงสูงจากพื้นถนนระดับคอของคนรถขับขี่จักรยานยนต์พอดี ส่วนว่าวคงเป็นของชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านระภาว์มากนัก หลังจากเก็บว่าวได้ผู้ใหญ่บ้านได้นำทั้งว่าวกับเชือกไนลอนสีเขียวไปเก็บไว้ และในวันเกิดเหตุไม่ได้มีหน่วยกู้ภัย ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด มีเพียงญาติของคนประสบเหตุมาพบกันแล้วพากันกลับบ้านไปเท่านั้น

สำหรับกรณีการแจ้งเตือนว่า มีการขึงเชือกขวางถนนหวังชิงทรัพย์ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่สัญจรไปมาช่วงกลางคืนนั้น ตนเห็นว่าหมู่บ้านเราไม่อันตรายขนาดนี้ และยังทำให้ชาวบ้านพากันตกใจจนไม่ใช้เส้นทางสายนี้ในการเดินทาง ซึ่งความจริงตนมั่นใจว่าไม่ใช่การขึงเชือกขวางกั้นถนนทำร้ายคนขับจักรยานยนต์ที่สัญจรไปมาเพื่อชิงทรัพย์อย่างแน่นอน