บุรีรัมย์ - เทศบาลเมืองชุมเห็ด ร่วมกับบังคับคดีจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจนำหมายศาลเข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของสำนักสงฆ์แสงประทีปออกจากป่าช้าสาธารณประโยชน์ หลังได้บุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้างยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี เผยเจอชายฉกรรจ์พกอาวุธปืนเข้าขัดขวาง
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายสมศักดิ์ แมนไธสง นายกเทศมนตรีเมืองชุมเห็ด, นายสินชาย คุ้มศรีวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์, นายประสงค์ จันทร์กระจ่าง ปลัดป้องกัน อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และ พ.ต.ท.ยุทธนา ไตรทิพย์ รอง ผกก.ป.สภ.เมือง พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย ได้เข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในสำนักสงฆ์แสงประทีป ออกจากพื้นที่ป่าช้าสาธารณประโยชน์บ้านโกรกขี้หนู หมู่ 3 ต.ชุมเห็ด ตามหมายบังคับคดีศาล จ.บุรีรัมย์
หลังสำนักสงฆ์ดังกล่าวได้บุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้าง ทั้งกุฏิ, อาคาร, ศาลา, ห้องน้ำ และอื่นๆ ในที่สาธารณะดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะดังกล่าวได้ โดยก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนได้แสดงหมายบังคับคดี พร้อมชี้แจงวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ นายอำนวย หรรษาวงศ์ หรือพระอำนวย ธนบุญโญ อายุ 72 ปี พร้อมแม่ชี และชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้รับทราบแล้ว
แต่นายอำนวย หรือพระอำนวย ไม่รับฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ ทั้งได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งซึ่งมีอาวุธปืนประจำตัวเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจับกุม โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนห้องน้ำ ส่วนสิ่งปลูกสร้างอื่นจะดำเนินการรื้อถอนอีกครั้งในวันที่ 14 มกราคม 2559 ต่อไป
นายสมศักดิ์ แมนไธสง นายกเทศมนตรีเมืองชุมเห็ด กล่าวว่า พื้นที่ป่าช้าสาธารณประโยชน์บ้านโกรกขี้หนู และทางสาธารณะประโยชน์ มีเนื้อที่ 22 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ชาวบ้านใช้ร่วมกัน แต่เมื่อปี 2533 มีพระภิกษุบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสาธารณะบ้านโกรกขี้หนู และทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว โดยก่อสร้างอาคาร กุฏิ และใช้ชื่อว่า สำนักสงฆ์แสงประทีป หรือวัดป่าแสงประทีป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเทศบาลฯ หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้จัดตั้งเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์โดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
ต่อมาทางเทศบาลฯ ได้แจ้งให้พระภิกษุและบริวารยุติการก่อสร้าง รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และออกไปจากที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ดำเนินการ เทศบาลฯ จึงได้ฟ้องร้องต่อศาลเมื่อเดือนมกราคม 2556 และศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ให้พระภิกษุและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่ป่าช้าสาธารณประโยชน์บ้านโกรกขี้หนูและทางสาธารณประโยชน์ ให้เทศบาลฯ และชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน