สุโขทัย - ชาวประมงสุโขทัยครวญหนัก ภัยแล้งหนักสุดรอบเกือบครึ่งศตวรรษ น้ำยมแห้งจนเห็นทราย ปลาเล็กปลาน้อยหายไม่มีให้จับ ตัดใจขึ้นฝั่งทำนาแม้รู้ทั้งรู้ต้องขาดทุน ขณะที่แม่ค้าปลารายใหญ่บอกสมัยก่อนซื้อปลาได้วันละ 2-3 ตัน ตอนนี้ลดเหลือ 200-300 กิโลฯ เท่านั้น
วันนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.สุโขทัย นอกจากส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ทำนาปลูกข้าว ทำไร่ ทำสวน จนพืชผลเสียหายจำนวนมากแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวประมงอีกด้วย โดยเฉพาะที่ ต.กง อ.กงไกรลาศ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำยม และทำประมงเลี้ยงครอบครัวมาอย่างยาวนานได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
นางมานพ สุทธิวิลัย อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 ต.กง กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้หนักกว่าปีก่อนๆ อาจบอกได้ว่าแล้งหนักสุดรอบ 40 ปีทีเดียว น้ำในแม่น้ำยมก็เหลือน้อย บางจุดก็แห้งจนเห็นพื้นทราย ทำให้หาจับปลาไม่ได้เหมือนเคย ทั้งที่ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ทุกปีเคยจับปลาหากุ้งฝอยในแม่น้ำมาขายได้เงินวันละหลายพันบาท แต่ปีนี้หากินกันไม่ได้เลยเพราะน้ำน้อยไม่มีปลาให้จับ จึงต้องหันไปทำนาแทน แม้รู้ว่าขาดทุนก็ต้องทำเพราะไม่รู้จะทำอะไร
นางโสนน้อย รอเพื่อน หรือ “เจ๊น้อยปลาสด” ต.กง เจ้าของร้านซื้อ-ขายปลาสดแหล่งใหญ่ที่สุดในสุโขทัย กล่าวว่า ตนเป็นแม่ค้ารับซื้อ-ขายปลาสดจากแม่น้ำมานาน 40 ปีแล้ว ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับผลกระทบหนักเพราะฝนแล้งน้ำน้อยที่สุด จากที่เคยซื้อปลาได้วันละ 2-3 ตัน ก็เหลือวันละ 200-300 กิโลกรัม ตอนนี้จึงต้องหันจากธุรกิจหลักในการรับซื้อ-ขายปลาสดแม่น้ำ มาทำนาปลูกข้าวและปลูกเผือกไปด้วย
“เมื่อก่อนมีน้ำไหลเข้าทุ่ง ชาวนาก็หาจับปลามาขายได้เงินวันละ 500 บาท เก็บเป็นทุนทำนา ส่วนในแม่น้ำยมก็ยังมีน้ำให้ชาวประมงหาปลาได้จึงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันเดือดร้อนกันหนักมาก เพราะชาวนาและชาวประมงไม่มีรายได้ จึงทำให้ร้านค้าต่างๆ ขายของกันได้น้อยลง เศรษฐกิจโดยรวมก็แย่ตามกัน”
เจ๊น้อยกล่าวอีกว่า และปลาที่หาจับได้น้อยลงก็ทำให้มีราคาสูงขึ้น อย่างเช่น ปลาช่อนตัวใหญ่จากที่เคยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ก็เพิ่มเป็น 120 บาท ปลาตะเพียน 20 บาท เป็น 30-35 บาท ปลาสร้อย 10 บาท เป็น 20 บาท และกุ้งฝอย 70 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 120 บาท เป็นต้น