นอภ.น้ำเกลี้ยง ยื่นใบลาออกจากราชการแล้ว อ้างต้องการบวชตลอดชีวิต

ศรีสะเกษ - นอภ.น้ำเกลี้ยง ยื่นใบลาออกจากราชการแล้วอ้างต้องการบวชตลอดชีวิต ขณะที่ผวจ.ศรีสะเกษ เผยการอนุญาตให้ลาออกเป็นเรื่องของกรมการปกครอง เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกสอบสวนทางวินัย

วันนี้ ( 19 ธันวาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีลูกจ้างสาว ที่ว่าการอำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรน้ำเกลี้ยงว่า ถูก ร.ท.ปรินชัย สอนซื่อ นายอำเภอน้ำเกลี้ยง ข่มขืนและทำร้ายร่างกาย หลังบุกเข้าไปในบ้านพักช่วงกลางดึกว่า ล่าสุดนายอำเภอน้ำเกลี้ยง ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการแล้ว

โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการอุปสมบทตลอดชีวิต โดยได้ส่งโทรสารไปยังอธิบดีกรมการปกครอง ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2558 ซึ่งการที่ตนลาออกจากราชการก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของกรมการปกครองไม่ให้เสียหาย แม้ว่าจะยังมีโครงการต่าง ๆ ที่ต้องพัฒนาอีกมากมาย

พร้อมเผยอีกว่าตนจะบวชในสัปดาห์หน้า ที่วัดป่าในเขตภาคกลาง ซึ่งก่อนบวชจะเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อปลอบขวัญครอบครัวให้คลายความเศร้าโศกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้น จึงจะไปบวชเพื่อปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต

ส่วนเรื่องของคดีความ จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความ ซึ่งตนยังยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้กระทำ และการที่ตนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เกิดจากฝีมือของกลุ่มคนที่เสียประโยชน์จากการทำงานกวาดล้างอบายมุขและสิ่งผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาตนไม่ยอมให้มีชื่อของกลุ่มคนมีสีกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมการจับกุมด้วย จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ส่วนกรณีที่มีผู้คนแอบอ้างว่าจะเป็นผู้เคลียร์ปัญหากับผู้เสียหายให้ แต่ตนต้องโอนเงิน จำนวน 110,000 บาทให้นั้น จากการตรวจสอบทราบแล้วพบว่า เป็นชายคนหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งตนจะมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว ไปยัง นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ทราบว่าหลังเกิดเรื่องได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่นายอำเภอน้ำเกลี้ยง ขอลาออกจากราชการนั้น ขณะนี้ เรื่องได้ไปถึงกรมการปกครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีการพิจารณาอนุญาตให้ลาออกได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกรมการปกครอง

เนื่องจากว่าขณะนี้นายอำเภอน้ำเกลี้ยง กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนทางวินัย อย่างไรก็ตามการลาออก เป็นการตัดสินใจของนายอำเภอ ด้านการสืบสวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการสืบสวนกำลังเร่งดำเนินการ และจะทราบผลในเร็ว ๆ นี้

ด้านนายอ้าย บัวศรี บิดาของผู้เสียหายยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของบุตรสาว และขณะนี้ได้นำตัวบุตรสาวไปอยู่ที่อื่นแล้ว เพื่อความปลอดภัย