อุบลราชธานี - ป.ป.ท.เขต 3 รับมอบเอกสารหลักฐานผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะที่นำหญิงสาวชาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าประเวณีที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี จ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ในหลายระดับ เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยง ก่อนดำเนินคดีต่อผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ทั้งหมด
จากกรณีชุดเฉพาะกิจกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย บุกจับร้านคาราโอเกะชายแดนไทย-ลาว ซึ่งนำหญิงชาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าบริการทางเพศเมื่อค่ำวันที่ 16 ธ.ค. โดยการจับกุมพบเอกสารการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้อำนวยความสะดวกให้ร้านเหล่านั้นทำการค้าได้อย่างเสรีตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) พ.ต.ท.ทนง เพิ่มพูล ผู้อำนวยการกลุ่มปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 นครราชสีมา (ป.ป.ท.) ได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบการจับกุมสถานประกอบการร้านคาราโอเกะในอำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกชุดเฉพาะกิจกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยบุกจับกุมเมื่อหัวค่ำคืนวันที่ 16 ธ.ค. พบหลักฐานเป็นเอกสารบัญชีการจ่ายเงินให้แก่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ พร้อมหมายเลขบัญชีธนาคารที่ผู้ประกอบการโอนเงินให้ผู้รับปลายทาง คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในแต่ละเดือนจากผู้ดูแลร้านโจโจ้ซังคาราโอเกะ โดย ป.ป.ท.ได้ขอรับเอกสารทั้งหมดไปตรวจหาความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดฐานเรียกรับสินบนให้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนสร้างความเสียหายให้แก่ราชการ
สำหรับหลักฐานที่ ป.ป.ท.รับไปตรวจสอบ ประกอบด้วย เลขบัญชีธนาคารที่ผู้ประกอบการใช้โอนเงินผ่านบัญชี สมุดบันทึกการจ่ายเงินให้บุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบันทึกข้อความการจ่ายเงินให้แก่หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้าประเวณี การควบคุมคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศ รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงภายในของประเทศ
พ.ต.ท.ทนงกล่าวว่า การตรวจสอบเอกสารหลักฐานใช้เวลามากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับหลักฐานที่ได้รับมีความชัดเจนและตรงกับที่มีการบันทึกไว้ หรือมีการใช้นอมินีเป็นตัวแทนมารับ ซึ่ง ป.ป.ท.ต้องนำเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบให้ได้ความกระจ่าง จากนั้นจะเรียกคนในหน่วยงานหรือบุคคลที่มีชื่อปรากฏอยู่ในบันทึกมาให้ปากคำเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อหน่วยงานและบุคคลซึ่งอาจมีการแอบอ้างในกลุ่มผู้ประกอบการก็ได้ เพราะหลักฐานที่พบทั้งหมดเชื่อว่ามีการกระทำกันเป็นเครือข่าย เพราะยอดการจ่ายเงินสูงกว่าแสนบาทต่อเดือน ลำพังร้านคาราโอเกะเพียงร้านเดียวซึ่งมีพนักงานให้บริการไม่กี่คนคงไม่สามารถจ่ายเงินให้กับคนต่างๆ ได้จำนวนมากขนาดนั้น ต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ประกอบการด้วยกันแล้วนำมารวบรวมเพื่อนำจ่ายให้กับคนหรือหน่วยงานที่มีชื่อปรากฏอยู่ ซึ่ง ป.ป.ท.ต้องไปดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ก่อนจะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป