ลำพูน - พบ “กู่อรหันต์ลำพูน” ส่อพิรุธ จ้างช่างปั้นพระ แต่งเรื่องราวดึงคนบริจาคทรัพย์มานานนับสิบปี ติดป้ายห้ามจับ-ถ่ายภาพ บอกใครอยากเจริญก้าวหน้าร่ำรวยได้บุญ “ต้องบริจาคทรัพย์เพื่อบูชาตามที่กำหนด” พอเจ้าหน้าที่ให้ชี้แจงกลับขอเลื่อน อ้างเอกสารไม่พร้อม
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี “สถานปฏิบัติธรรมกู่อรหันต์” หรือมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม เลขที่ 158 หมู่ 14 บ้านหนองไซ ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน ที่มีชาวบ้านร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ พร้อมแจ้งความต่อ สภ.เหมืองจี้ ฐานหลอกลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และสำนักพุทธฯ ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งสำนักแห่งนี้ได้เริ่มดำเนินการมากว่า 10 ปี เดิมทีจะตั้งอยู่บนเขาติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำดิบ ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันประมาณ 2 กม. ตรงจุดที่ชาวบ้านเรียกว่า กู่ ซึ่งมีกู่โบราณ 24 กู่ ลักษณะเป็นหินโบราณก่อเป็นฐานอิฐขึ้นมา แต่อยู่ในสภาพพังทลายเหลือให้เห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการปักป้ายชื่อแต่ละกู่ไว้ตามชื่อของพระอรหันต์ รวม 24 ชื่อหรือ 24 กู่
แต่พอย้ายจากที่เดิมซึ่งเป็นที่ป่าสงวน จากกู่อรหันต์ที่ตั้งชื่อขึ้นมาเอง 24 กู่ ก็ได้เปลี่ยนเป็น 28 กู่พระอรหันต์ ซึ่งยังมีอีกหลายจุดที่เป็นข้อกังขาว่าจะเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครเข้าไป จะมีก็คนต่างถิ่นที่เหมารถกันมามากมายเพราะหลงคำโฆษณา
จากการตรวจสอบพบว่าสถานปฏิบัติธรรมกู่อรหันต์แห่งนี้ได้จ้างช่างปั้นพระจาก อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มาปั้นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สูงกว่า 10 เมตร รวมถึงขนาดต่างๆ มากมายจำนวนหลายองค์ แล้วบอกกับผู้ที่ไปทำบุญว่า องค์พระพุทธรูปทั้งหมดทำจากผงเถ้าของพระพุทธเจ้า เป็นสถูปเจดีย์ไม่ใช่อิฐหินดินทราย หรือธาตุใดๆ ในโลก แต่เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า หรือสมบัติของพระพุทธศาสนาที่สร้างด้วยพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ พระบรมธาตุของพระอรหันต์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 220 ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มีพระอรหันต์ชื่อพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างอีกหลายอย่าง พระพุทธรูปองค์ใหญ่จำนวนมากที่ตั้งไว้ภายในมูลนิธิฯ ที่มีการจ้างช่างปั้นขึ้นมาใหม่พร้อมทาสีทองก็มีการห้ามถ่ายรูป อ้างจะมีอันเป็นไป จะเสียชีวิต จะเป็นบ้า มีผู้เป็นบ้า และเสียชีวิตไปแล้วหลายรายหากไม่เชื่อฟัง รวมถึงยังอ้างว่า องค์พระมีเชื้อรา และรังสี ห้ามจับจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ นายสินธพ ทรวงแก้ว ประธานมูลนิธิ ยังกล่าวอ้างว่า พระพุทธเจ้านั้นจริงๆ แล้วเป็นคนเมือง คนเหนือ กินแกงอ่อม กินลาบเหมือนคนเมืองล้านนาอีกด้วย ทั้งยังนำคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการไม่เที่ยงเกิดดับ มาเป็นจุดขาย มีการทำหนังสือธรรมะขึ้นมาใหม่ จากคำว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ก็แก้ใหม่ว่า “ปัญญา ศีล สมาธิ” มีการอ้างว่าพระทั้งหมดเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า ใครอยากเจริญก้าวหน้าร่ำรวยได้บุญ “ต้องบริจาคทรัพย์เพื่อบูชา” โดยการบริจาคเงินตามที่กำหนด แต่จะไม่ให้เอาพระที่บูชากลับบ้านโดยอ้างว่าต้องถวายแด่พระพุทธเจ้า หากนำไปจะเกิดเหตุไม่ดีเหตุร้ายต่างๆ ขึ้นได้เพราะบุญไม่ถึง เป็นต้น
ทั้งนี้ นายสินธพยังได้บอกกับคณะเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบว่า ทางมูลนิธิฯ ไม่ได้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ ขอเวลานำเอกสารต่างๆ ไปชี้แจงในวันจันทร์ที่ 14 ธ.ค. 58 แต่เมื่อถึงกำหนดนายสินธพกลับแจ้งว่าเอกสารต่างๆ ยังไม่พร้อม ขอเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค. แทน