บุรีรัมย์ - ญาติและแรงงานชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ 10 ครอบครัวที่ถูกนายหน้าเถื่อนหลอกไปขายแรงงานต่างประเทศ สูญเงินร่วม 4 ล้านบาท ออกมาเรียกร้องให้กรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งนำตัวนายหน้ามาดำเนินคดี พร้อมให้นำเงินมาคืนผู้ถูกหลอก หลังร้องเรียนมา 4 เดือนไม่คืบต้องแบกรับภาระหนี้สินทั้งในและนอกระบบ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ญาติพร้อมครอบครัวและแรงงานชาว ต.หินโคลน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ 10 ครอบครัว ที่ถูกนายหน้าเถื่อนหลอกไปทำงานประเทศอิสราเอล แต่ไม่ได้เดินทางไปจริงตามที่กล่าวอ้าง ทำให้สูญเสียเงินคนละ 300,000-400,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 4 ล้านบาท ได้นำหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีและบันทึกการจ่ายเงินสดให้แก่นายหน้า ออกมาเรียกร้องให้ทางกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งนำตัวนายหน้าจำนวน 3 คนซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกันและมีภูมิลำเนาอยู่ใน อ.ลำปลายมาศ มาดำเนินคดีและนำเงินมาชดใช้คืนให้แรงงานที่ถูกหลอกทั้งหมด
หลังได้พากันเข้าร้องเรียนที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ และทางจัดหางานได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ลำปลายมาศตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 4 เดือนแล้วแต่เรื่องยังไม่คืบหน้า สร้างความเดือดร้อนแก่แรงงานที่ถูกหลอกต้องแบกรับภาระหนี้สินและดอกเบี้ยที่กู้ยืมทั้งในและนอกระบบเพื่อนำมาจ่ายให้นายหน้าเพราะหวังว่าจะได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ บางรายถึงขนาดต้องนำที่นาไปจำนองกับนายทุน และยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เพราะลำพังจะใช้จ่ายในครอบครัวก็ลำบากอยู่แล้วเพราะแต่ละคนมีอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป
นางบันดิด แก้วโพธิ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 ม.7 บ.หินโคน ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยายของนายพรศักดิ์ โกษารักษ์ หนึ่งในแรงงานที่ถูกนายหน้าหลอกไปทำงานประเทศอิสราเอล บอกว่า ตนเป็นคนติดต่อเดินเรื่องและจ่ายเงินให้นายหน้าเองทั้งหมดรวมจำนวน 434,000 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2556 เพื่อจะให้ลูกเขยไปทำงานที่ร้านอาหารยังประเทศอิสราเอล เพราะนายหน้าบอกว่าจะได้ค่าจ้างสูงถึงเดือนละ 50,000-60,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมากว่า 2 ปีแล้วยังไม่ได้เดินทางไปทำงานจริงตามที่กลุ่มนายหน้ากล่าวอ้าง ทำให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาเพื่อจะให้ลูกเขยไปทำงานและไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เพราะครอบครัวก็มีอาชีพทำนาและรับจ้างเท่านั้น
จึงอยากวิงวอนให้ทางกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามนำตัวกลุ่มนายหน้าดังกล่าวมาดำเนินคดี และให้นำเงินมาคืนเพื่อจะได้นำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา
ด้านนายบุญมี ทศมาศ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 ม.10 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ แรงงานอีกรายที่ถูกหลอก บอกว่า ที่ผ่านมาเคยเดินทางไปทำงานประเทศดูไบ และซาอุดีอาระเบียมาแล้วแต่ไม่เคยถูกหลอก มาครั้งนี้เห็นว่านายหน้าที่มาชักชวนเป็นคนในพื้นที่อำเภอเดียวกันจึงไม่คิดว่าจะถูกหลอก จึงได้จ่ายเงินสดให้นายหน้ากลุ่มดังกล่าวไปจำนวน 4 ครั้ง ครั้งละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินเรื่อง ทำให้สูญเสียเงินรวมวงเงินทั้งสิ้น 413,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ปีแล้วยังไม่ได้เดินทางไปทำงานยังประเทศอิสราเอลตามที่กลุ่มนายหน้ากล่าวอ้าง จึงมั่นใจว่าน่าจะถูกหลอก
จึงได้ร่วมกับผู้เสียหายในพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ จำนวน 10 ราย เข้าร้องเรียนที่จัดหางานจังหวัดให้ช่วยเหลือ ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าทำให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะต้องแบกรับภาระหนี้สินและดอกเบี้ยที่ไปกู้ยืมมา จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย