อุดรธานี - บ.ไพรม์ โรดฯ ทุ่มทุนกว่า 1, 000 ล้านบาทแตกไลน์ธุรกิจผุดโครงการ “ไพรม์ สแควร์ อุดรธานี” อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่กว่า 230 ยูนิต บนเนื้อที่ 23.5 ไร่ กลางเมืองรองรับนักธุรกิจในพื้นที่ ลูกค้าจากส่วนกลาง และกลุ่มทุนจากประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ จ.อุดรธานีเป็นฐานทำธุรกิจ เผยศึกษาอัตราและตัวเลขเติบโตของเศรษฐกิจแล้ว มั่นใจกำลังซื้อไม่เป็นรองเมืองหลวง
นายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ และนายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์ โรด พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดโครงการ “ไพรม์ สแควร์ อุดรธานี” ว่าในขณะนี้แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของไทยและต่างชาติยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ด้วยกระแสการเมืองที่ค่อนข้างนิ่งประกอบกับการก้าวเข้าสู่สมาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้มีแรงกระตุ้นในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านการลงทุนในแต่ละภาคส่วนพร้อมทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีการสนับสนุนจากภาครัฐตามนโยบายของรัฐบาล จึงถือเป็นโอกาสดีที่สุดในขณะนี้สำหรับการลงทุนในจังหวัดอุดรธานี
จ.อุดรธานี ถือว่าเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจของภาคอีสาน ในห้วง 3-5 ปีที่ผ่านมาอุดรธานีมีการพัฒนาทั้งภาคเศรษฐกิจคุณภาพคุณภาพชีวิต และสังคม และธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แม้กระทั่งภาคอสังหาริมทรัพย์มีนักลงทุนจากส่วนกลางเข้ามาลงทุนและเห็นช่องว่างและความต้องการ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจังหวัดอุดรธานียังมีเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงการค้าชายแดนไปยังประเทศลาว ที่มีการค้าระหว่างชายแดนปีละกว่าแสนล้านบาท ซึ่งจำนวนหลายหมื่นล้านเป็นการค้าชายแดนระหว่างพ่อค้าในจังหวัดอุดรธานี รวมทั้งยังได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้าเศรษฐกิจ และระบบลอจิสติกส์ เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดหนองคาย และในอนาคตก็ยังจะมีนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี การทำเหมืองแร่โปแตช และความเจริญในภาคเศรษฐกิจ ภาคการศึกษา สังคมและวัฒนธรรมจากการรวมตัว หลังจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปิดตัวอย่างถาวร
นายสุรเชษฐ์ระบุว่า จากปัจจัยต่างๆสามารถสรุปได้ว่าโครงการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในอุดรธานี หรือแม้กระทั่งการลงทุนในภาคธุรกิจอื่นๆ จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากกำลังการซื้อมหาศาล ที่มีในจังหวัดและจากส่วนกลางรวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งกำลังซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีอัตราเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น อุดรธานีนับว่าเป็นจังหวัดทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่ได้รับการรับรองจาก ASEAN ให้เป็นจังหวัดที่รองรับและเป็นหน้าด่านของ AEC ที่เกี่ยวเนื่องกับลาว และเวียดนาม ประกอบกับการที่อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตด้านเศรษฐกิจสูงที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าของอีสานเหนือและการค้าชายแดนจะมีระบบรถขนส่งไฟรางคู่ และความเร็วสูงจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ซึ่งจะมีผลให้อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ ประชากร และสังคม พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่ด้วยปัจจุบันพื้นที่เขตเศรษฐกิจในตัวเมืองจังหวัดอุดรธานีไม่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถดำเนินการพัฒนาเพื่อรองรับการขยายตัวให้เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์กรรมที่มีความพร้อม ส่วนที่มีการสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่เขตเมืองก็จะเป็นโครงการขนาดเล็ก และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดำเนินธุรกิจที่พร้อมสมบูรณ์ แต่ก็สามารถจำหน่ายได้หมดเกือบทุกโครงการในราคาสูง แสดงให้เห็นว่าความต้องการพื้นที่อาคารพาณิชย์ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากในเขตเมืองอุดรธานีที่จะรองรับการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ
ในโอกาสนี้บริษัทฯ จึงเห็นโอกาสที่จะพัฒนาพื้นที่เช่าระยะเวลา 30 ปี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ณ บริเวณสถานีรถไฟอุดรธานี พื้นที่ที่อยู่ใน Prime Area และมีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด และพอเพียงที่จะทำการพัฒนาให้มีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งศูนย์กลางการพาณิชย์กรรมแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานีที่สมบูรณ์ โดยโครงการฯ มีแนวความคิดการพัฒนาสินค้าและบริการประกอบด้วยเพราะตั้งใจให้ที่ PRIME Square แห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี
นายสุรเชษฐ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะมาเป็นไพรม์ สแควร์ อุดรธานี เดิมทีกลุ่มธุรกิจของเราเราเน้นการทำธุรกิจพลังงานทางเลือก เรามีโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่จังหวัดกำแพงเพชร เราทำโรงไฟฟ้าพลังงานลมในญี่ปุ่น และอีกหลากหลายธุรกิจในเอเชีย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เราตั้งใจและมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในเมืองไทยหลายบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มจากโครงการไพรม์ สแควร์ แห่งนี้
“ในรัศมีไม่เกิน 500 เมตรของที่ตั้งของโครงการไพรม์ สแควร์ รายล้อมไปด้วยย่านธุรกิจใหญ่ แสดงให้เห็นว่าที่ดินทำเลที่ตั้งของไพรม์ สแควร์แห่งนี้เป็นทำเลที่เหมาะสมมากที่สุดในการค้าขาย การลงทุน และตอบโจทย์การอยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับงบลงทุนโครงการนี้ ประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท” นายสุรเชษฐ์กล่าว และว่า จากการสำรวจทำเลค้าขายในเขตเมืองภายในถนนโพศรีเอง ประเภทอาคารพาณิชย์มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10-30 ล้านบาท เป็นอาคารดั้งเดิมที่ปลูกสร้างมาเป็นระยะเวลานาน และเมื่อเปรียบเทียบกับอาคารรูปแบบใหม่ของโครงการที่เน้นทั้งความทันสมัยสะดวกสบาย ครบวงจร กับราคาที่เริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท เชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดีสำหรับยอดขายของโครงการจากพ่อค้าและนักธุรกิจในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างดี”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักเนื่องจากเนื่องจากโครงการถูกวาง concept ไว้เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนเพื่อรองรับนักลงทุนในพื้นที่ และนักลงทุนจากส่วนกลางรวมถึงนักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นเราตั้งใจออกแบบโครงการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยแบ่งแยกย่อยเป็น สัดส่วน กลุ่มแรกเป็นนักลงทุนพ่อค้าในพื้นที่จังหวัดอุดรและจังหวัดใกล้เคียงประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตขายในโครงการกลุ่มที่ 2 เป็นนักลงทุนจากส่วนกลางที่มาขยายสาขาและประกอบธุรกิจในจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 30% ของจำนวนยูนิตขายในโครงการ
และกลุ่มที่ 3 นักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อตอบรับนักลงทุน หลังจากเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในสัดส่วน 20% ซึ่งทางบริษัทคิดว่ากลุ่มลูกค้าต่างๆ จะได้รับความคุ้มค่าเป็นอย่างมากที่เลือกซื้อและจับจองพื้นที่และอาคารของโครงการ