ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “ทเวลฟ์ วิคทอรี่ (40)” บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รุกเปิดสาขาขอนแก่น เผยเป็นศูนย์กลางและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุนสูงของภาคอีสาน เล็งขยายฐานต่อในหลายจังหวัดภาคอีสาน ทั้งอุดรธานี หนองคาย บุรีรัมย์ สุรินทร์ มุกดาหาร ในอนาคตอันใกล้ รับเศรษฐกิจขยายตัวและเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
วันนี้ (11 พ.ย. 58) ที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมเจริญธานี ขอนแก่น ฝั่งถนนศรีจันทร์ อำเภอเมืองขอนแก่น นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายชาญณรงค์ บุริสตระกูล รักษาการประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น และนางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ (40) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งประเทศไทย ร่วมเปิดสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ จ.ขอนแก่น โดยมีนักธุรกิจในจังหวัดขอนแก่นร่วมในกิจกรรมดังกล่าวจำนวนมาก
นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ (40) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ (40) ดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2537 ด้วยหลักการทำงานโปร่งใส เชื่อถือได้ ทำให้ธุรกิจของบริษัทขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดสำนักงานที่กรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 6 แห่ง พัทยา 5 แห่ง หัวหิน 2 แห่ง ภูเก็ต 2 แห่ง และจังหวัดระยอง ตราด นครพนม จังหวัดละ 1 แห่ง
สาเหตุที่เปิดสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ จ.ขอนแก่น ทางบริษัทมองว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากศักยภาพทำเลที่ตั้ง จ.ขอนแก่น เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จ.ขอนแก่นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเปิดจุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่นและใกล้เคียง
สำหรับสาขาที่ จ.ขอนแก่นถือเป็นแห่งที่ 2 ในภาคอีสานต่อจากจังหวัดนครพนม ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว โดยแผนการรุกขยายสาขาจุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของบริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ 40 เตรียมที่จะขยายสาขาไปยังจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นอีกพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ จังหวัดหนองคาย เป็นจังหวัดชายแดนที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน รวมถึงจังหวัดมุกดาหาร บุรีรัมย์ สุรินทร์ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเร็วๆ นี้
