ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจแหลมฉบัง จับคนร้ายขโมยของในห้างดังแหลมฉบัง หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีไปได้ ล่าสุด เตรียมลงมือก่อเหตุรอบ 2 แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างฯ จับกุมตัวไว้ได้ พร้อมสารภาพย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำโดยไม่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้
จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชายเข้าไปขโมยสินค้าบนชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งพื้นที่แหลมฉบัง หมู่ 10 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีทรัพย์สินที่สูญหายไป ประกอบด้วย กล้องถ่ายรูป เลนส์กล้องถ่ายรูป และกระเป๋า โดยมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 36,000 บาท โทรศัพท์มือถืออีก 6 เครื่อง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ และเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจแหลมฉบัง
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 ก.พ.) ร.ต.ท.พิเชษฐ มีภู่เพ็ญ พนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเข้าไปขโมยทรัพย์สินบนห้างฮาร์เบอร์มอลล์ แหลมฉบัง ได้แล้ว ทราบชื่อคือ นายเกษศดา ขอนยูง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202 หมู่ 2 ต.ห้วยแก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น หลังเตรียมเข้ามาก่อเหตุในรอบ 2 โดยสารภาพว่าเคยก่อเหตุมาแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา และเตรียมจะมาก่อเหตุรอบ 2 จนถูกจับกุมได้ดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่าเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
นายเกษศดา ผู้ต้องหากล่าวว่า ในวันดังกล่าวตนได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในชั้น 3 ของห้างดังกล่าว จนห้างปิด หลังจากนั้น ได้เข้าไปขโมยสินค้าโดยไม่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจับภาพอยู่ พอได้ของก็นอนรอจนถึงเวลา 07.00 น. ของเช้าวันที่ 10 ก.พ. เมื่อเจ้าหน้าที่มาเปิดห้างฯ จึงได้แอบหลบหนีออกมาโดยไม่มีใครเห็น และหลังจากนั้น ได้นำโทรศัพท์มือถือไปขายในตลาดแถวที่พัก และได้ขึ้นรถกลับไปที่จังหวัดขอนแก่น บ้านเกิด พร้อมนำกล้องถ่ายรูปที่ขโมยมาได้ไปจำนำที่ จ.ขอนแก่น ได้เงินทั้งสิ้นกว่า 20,000 บาท นำไปใช้หนี้ และเที่ยวเตร่ จนเงินหมด จึงเดินทางกลับมาที่แหลมฉบัง เพื่อลงมือก่อเหตุอีกครั้ง
ในครั้งนี้ได้ทำในลักษณะแบบเดิมคือซ่อนตัวอยู่ในห้างฯ แต่ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาตรวจสอบ และเจอตัวก่อนจึงถูกนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
นายเกษศดา กล่าวต่อว่า ตนก่อเหตุครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ต่อเนื่องถึงวันที่ 10 ก.พ.59 และได้หลบหนีไปที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งคิดว่าไม่มีใครรู้ใครเห็นจึงเดินทางกลับมาที่แหลมฉบังอีกในวันที่ 17 ก.พ.เพื่อทำในลักษณะเดิม โดยไม่รู้ว่าในวันนั้นมีภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และมีข่าวลงในทีวีด้วย