อุบลราชธานี - ภารกิจนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เมืองอุบลฯ สุดอบอุ่นหลังชาวบ้านกว่า 2,000 คนรอต้อนรับ ตรวจเยี่ยมหมู่บ้านตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมร่วมประชุมกลุ่ม กรอ.4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ที่ภาคเอกชนเสนอปรับปรุงระบบลอจิติกส์ทางรางและทางถนน ขณะที่กลุ่มมวลชนที่เดือดร้อนกว่า 10 กลุ่ม ยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมก่อนส่งให้นายกฯ รับไปแก้ไข
วันนี้ (12 พ.ย. 58) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมาตรวจดูโครงการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่หมู่บ้านยางกระเดา หมู่ที่ 10 ต.ท่าเมือง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี โดยทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับและฟังการบรรยายสรุปกระบวนการบริหารจัดการของสหกรณ์หมู่บ้านยางกระเดา ซึ่งนำเงินรัฐบาลจัดตั้งสถาบันการเงินระดับหมู่บ้านได้อย่างเข้มแข็ง และดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินดูและพูดคุยสอบถามชาวบ้านเกี่ยวกับทำเกษตรกรรม และได้ปีนไปดูยุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกตามโครงการธนาคารข้าว โดยข้าวเปลือกที่เก็บไว้จะเป็นทุนใช้เพาะปลูกในแต่ละปีของชาวบ้านหมู่บ้านนี้ พร้อมกับดูโรงสีชุมชน ผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านยางกระเดา ก่อนไปปราศรัยกับประชาชนเกี่ยวกับโครงการยกระดับความเป็นอยู่ในระดับตำบล โดยมีประชาชนจากอำเภอใกล้เคียงมารอต้อนรับกว่า 2,000 คน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาพูดคุยทักทายชาวบ้านที่มาต้อนรับนานกว่ากำหนดการที่วางไว้ 1 ชั่วโมงเศษ จึงเดินทางมารับประทานอาหารเที่ยงในช่วงเวลาบ่าย
ต่อมาในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีได้ไปร่วมประชุม กรอ.ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยมีภาคเอกชนและภาครัฐ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เข้าร่วมประชุม ซึ่งกรรมการบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดเสนอให้กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์แปรรูปอุตสาหกรรมเกษตร โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่และวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่น พร้อมเสนอขอให้พัฒนาระบบลอจิติกส์เชื่อมต่อจากโครงการระบบรถไฟรางคู่ ซึ่งมีต้นทางที่จังหวัดนครราชสีมามายังจังหวัดอุบลราชธานี แล้วต่อยอดเป็นถนนเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางเรียบต่อไปในอนาคต เป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านการลงทุนในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกัน ทางด้านนอกได้มีกลุ่มมวลชนที่เดือดร้อนจากโครงการต่างๆ ในจังหวัดอีสานตอนล่างประมาณ 10 กลุ่มมายื่นหนังสือแจ้งความเดือดร้อน และขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานีได้มารับเรื่องและจะส่งให้แก่ทีมงานนายกรัฐมนตรี รับไปพิจารณาแก้ไขต่อไป
