บุรีรัมย์ - ส่องชีวิตสองสามีภรรยาชาวบุรีรัมย์ จบปริญญาทำงานห้างฯ เงินเดือนไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงลาออกหันยึดอาชีพขายข้าวจี่ หมูปิ้ง ปีกไก่ และเครื่องในไก่ปิ้งริมถนนด้วยสูตรคิดค้นเอง ราคาไม้ละ 5-10 บาท โกยถึงวันละ 5 พันบาท ประสบผลสำเร็จมีรายได้เลี้ยงครอบครัวไม่เดือดร้อน ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร อีกทั้งมีเงินเก็บซื้อบ้านเป็นของตัวเอง จากเดิมที่อยู่บ้านเช่า
วันนี้ (9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบสองสามีภรรยาชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เรียนจบปริญญาตรี และเป็นอดีตพนักงานห้างแห่งหนึ่งได้ตัดสินใจลาออกจากพนักงานห้าง เนื่องจากเงินเดือนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย อีกทั้งไม่มีเวลาได้อยู่กับครอบครัว ได้หันมายึดอาชีพขายข้าวจี่ หมูปิ้ง ปีกไก่ เครื่องในไก่ปิ้ง ซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตของชาวอีสาน และเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่ายสำหรับผู้ที่ต้องการความเร่งด่วน ด้วยสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นเองไม่เหมือนใคร รสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค
ทั้งได้วางขายริมถนนสายเลี่ยงเมืองบุรีรัมย์ ใกล้กับอนุสารีย์รัชกาลที่ 1 ทั้งขาเข้าและขาออกตัวเมืองบุรีรัมย์ มีรายได้วันละ 4,000-5,000 บาท หากเป็นช่วงอากาศหนาวจัดจะขายดีเป็นพิเศษเฉลี่ยวันละ 5,000-6,000 บาท และจนปัจจุบันประสบผลสำเร็จ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่เดือดร้อน อีกทั้งยังมีเงินเก็บออมซื้อบ้านเป็นของตัวเอง
จากเมื่อก่อนที่เป็นพนักงานห้างต้องอาศัยอยู่บ้านเช่า โดยเปิดขายตั้งแต่เวลา 06.00-10.00 น. ส่วนช่วงเย็นตั้งขายที่ตลาดเซราะกราวข้างสนามไอ-โมบาย สเตเดียม ตั้งแต่เวลา 16.00-19.00 น. ส่วนลูกค้ามีทั้งข้าราชการ พนักงานห้าง นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปนิยมมาซื้อไปรับประทาน เพราะเป็นอาหารที่รับประทานง่ายรวดเร็ว ราคาไม่แพง เช่น ข้าวจี่ ขายเพียงไม้ละ 5 บาท ส่วนหมูปิ้ง ปีกไก่ เครื่องในไก่ปิ้ง เริ่มต้นไม้ละ 5-10 บาท
นางวิลาวัลย์ เพิ่มศรี อายุ 31 ปี ภรรยา กล่าวว่า หลังตน และสามีเรียนจบปริญญาตรี ไปสมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ค่าแรงเดือนละ 8,000 บาท ทำอยู่ได้สักพักก็ลาออกเพราะเงินเดือนไม่พอต่อค่าใช้จ่าย ทั้งอยากมีอาชีพเป็นของตัวเอง และไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร จึงได้ตัดสินใจลาออกจากพนักงานห้าง แล้วหันมาขายข้าวจี่ หมูปิ้งริมถนน และตามตลาด
“ตอนแรกยังขายไม่ค่อยดีนักเพราะยังไม่เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเท่าที่ควร แต่พอขายได้สักระยะก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จัก และติดตลาดจนทุกวันนี้ จนมีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่เดือดร้อน ทั้งยังมีเงินเก็บออมซื้อบ้านเป็นของตัวเองอีกด้วย” นางวิลาวัลย์ กล่าว