ราชบุรี - ตำรวจบ้านคา ออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ถูกซัดร่วมฆ่ากระทิง สัตว์ป่าคุ้มครองบริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ในพื้นที่อำเภอบ้านคา แล้ว ขณะที่ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ยืนยันถ้ามีความผิดจริงต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย พร้อมสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ และให้มารายงานตัว 5 พ.ย.นี้
หลังจากที่ นายสิริ ศรีงาม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/1 หมู่ 12 ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพรานป่า และเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ขึ้นไปล่ากระทิงที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองบริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมู่ 9 บ้านพุขี้เหล็ก อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ได้ติดต่อขอมอบตัวต่อกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เนื่องจากเกรงกลัวความผิด และถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ โดยนายสิริ อ้างว่า ได้ร่วมกับนายภูมิ หรือนายสกล ศรีแจ้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปทำการไล่ล่ากระทิง เมื่อสามารถยิงกระทิงตายได้ก็จะตามเพื่อนบ้านอีก 6 คน มาช่วยกันตัดหัว และชำแหละเนื้อไปขายในหมู่บ้าน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า คนร้ายเป็นใคร จึงได้ตัดสินใจติดต่อขอมอบตัวดังกล่าว
ความคืบหน้าในวันนี้ (4 พ.ย.) ร.ต.อ.สิทธิกร ใจคำ ร้อยเวร สภ.บ้านคา เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำ นายสิริ ศรีงาม ซึ่งเป็นผู้ต้องหายิงวัวกระทิงตายที่บริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมู่ 9 บ้านพุขี้เหล็ก อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา และกลัวความผิดจึงได้ติดต่อขอมอบตัว
จากการสอบปากคำ นายสิริ ได้ซัดทอดว่า นายสกล ศรีแจ้ง ซึ่งเป็นพนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 พุยาง สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เป็นลูกจ้างประจำ เป็นผู้จ้างวาน และได้ร่วมเข้าไปไล่ล่ากระทิงด้วย จึงได้ทำการออกหมายเรียกมาสอบปากคำ โดยนัดให้มาไม่เกินวันที่ 6 พ.ย.58 ซึ่งถ้ายังไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียกซ้ำ แต่ยังไม่มาอีกก็จะต้องขออนุมัติหมายจับทันที
ส่วนอาวุธปืนลูกซอง 2 กระบอกที่พบในวันเกิดเหตุนั้นได้ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจสอบแล้ว
ด้าน นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี กล่าวว่า ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ นายสิริ ให้การรับสารภาพว่า เข้าไปยิงกระทิงพบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 ปลอก โดย 3 ปลอกแรกตกอยู่ข้างต้นไม้ ส่วนอีก 2 ปลอก ตกอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร รวมทั้งพบกระดูกส่วนเท้า หนัง และขนของกระทิง
ส่วนเครื่องในของวัวกระทิงคาดว่าน่าจะเผาทิ้ง เนื่องจากพบร่องรอยของการเผาในที่เกิดเหตุ ซึ่งได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว และได้ส่งชิ้นเนื้อบริเวณข้างแก้มของวัวกระทิงไปตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากกระทิงถือเป็นสัตว์ป่าที่สำคัญ ซึ่งจะต้องเก็บดีเอ็นเอไว้เพื่อเป็นข้อมูลของสัตว์ป่าเพื่อหาอายุ ขนาดของกระทิงตัวนี้ และจะเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาและวิจัยต่อไป
นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กล่าวว่า หลังได้รับทราบเรื่องแล้วได้มีคำสั่งย้าย นายสกล ศรีแจ้ง ซึ่งเป็นพนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 พุยาง ให้มาประจำที่สำนักบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ต้องรายงานตัวภายในวันที่ 5 พ.ย.58 เพราะเมื่อมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไปกระทำความผิดเรื่องที่เกี่ยวกับการฆ่ากระทิงถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ในระบบนิเวศอย่างหนึ่ง
ถ้าปรากฏว่ามีความผิดจริงต้องว่ากันตามกฎหมายต่อไป ขณะนี้ทางเรากำลังรอการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหารเพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการว่า นายสกล ไปร่วมจริงหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการพิจารณาต่อไป แต่อันดับแรกต้องย้ายเข้ามาที่ศูนย์ป้องกันนี้ก่อน คือ ให้ออกจากพื้นที่ทันที
“ถ้าเกิดกรณีที่ทางผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่มารายงานตัว หรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทางหัวหน้าหน่วยงานที่ดูแลควบคุมต้องรายงานแจ้งมาว่าเหตุใดไม่มารายงานตัวในวันที่ 5 พ.ย. หรือถ้าขาดราชการเกิน 15 วัน ก็ต้องถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากมีระเบียบอยู่ แต่มั่นใจว่าถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ว่าระดับไหนก็ตามไปมีส่วนพัวพัน หรือทำผิดจริงโดยเฉพาะเรื่องกระทิง ต้องลงโทษอย่างแน่นอน” นายสมชาย กล่าว