ลำปาง - แผนอพยพราษฎรหนีผลกระทบโรงไฟฟ้าแม่เมาะยังไม่คืบ ล่าสุดยังติดปัญหาการอนุมัติใช้พื้นที่จากป่าไม้ ด้านแกนนำชาวบ้านเตรียมรวมตัวครั้งใหญ่ส่งสัญญาณถึงอธิบดีป่าไม้คนใหม่ให้อนุมัติใช้พื้นที่ป่าโดยเร็ว เผยเคยสัญญาจะอพยพภายใน 3 ปีหลังมีมติ ครม. แต่จนถึงวันนี้เรื่องยังไปไม่ถึงไหน
วันนี้ (22 ต.ค.) นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานประชุมคณะกรรมการดำเนินการอพยพราษฎร 5 หมู่บ้านใน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่ห้องประชุมเวียงละกอน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าแผนการอพยพราษฎร ตามมติ ครม.15 ต.ค. 56 ประกอบด้วย บ้านห้วยคิง หมู่ที่ 6 ต.แม่เมาะ, บ้านหัวฝาย หมู่ที่ 1 บ้านดง หมู่ที่ 2 บ้านสวนป่าแม่เมาะ หมู่ที่ 7 และบ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง หมู่ที่ 8 ต.บ้านดง จำนวน 1,458 ครัวเรือน ที่ขออพยพหมู่บ้านเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองของโรงไฟฟ้าแม่เมาะลำปาง
ทั้งนี้ เมื่อเดือน เม.ย. 58 นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัด (ในขณะนั้น) ได้ตั้งคณะทำงานชุดใหม่ขึ้นมา 5 ชุด เนื่องจากผ่านไป 1 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้า โดยให้ชุดที่ 1 รับผิดชอบ บ้านห้วยคิง 476 ครัวเรือน, ชุดที่ 2 บ้านหัวฝาย 301 ครัวเรือน, ชุดที่ 3 บ้านดง 206 ครัวเรือน, ชุดที่ 4 บ้านสวนป่าแม่เมาะ 217 ครัวเรือน, ชุดที่ 5 บ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง 258 ครัวเรือน โดยใช้วิธีการตามแนวทางที่รัฐบาลได้กำหนดไว้สำหรับการชดเชยการสร้างเขื่อนของกรมชลประทาน
คณะทำงานทั้ง 5 ชุดเริ่มลงพื้นที่สำรวจตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 58 เป็นต้นมา โดยสำรวจที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ หรือสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่ก่อนวันที่ 24 พ.ย. 57 สั่งการให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย. 58 หากไม่เสร็จก็จะขยายเวลาออกไปอีก 90 วัน ทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย. 58 และต้องขอใช้พื้นที่ป่าไม้ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
นายสุรชัย แสงศิริ ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ได้รายงานว่า การขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่ารองรับการอพยพราษฎร 5 หมู่บ้าน จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ 1 เนื้อที่ 590 ไร่ เขตบ้านเมาะหลวง ต.แม่เมาะ รองรับราษฎรบ้านห้วยคิง หมู่ 6 เบื้องต้นทางกรมป่าไม้ ได้เสนอเรื่องต่อปลัดกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 58 และเสนอต่อไปยัง รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว แต่มีความไม่สอดคล้องในเรื่องเอกสารของสภาเทศบาล ต.แม่เมาะ กระทรวงฯ จึงส่งเรื่องกลับให้กรมป่าไม้ และอาจจะส่งกลับมายังจังหวัดฯ อยู่ระหว่างรอหนังสือตอบกลับ
ส่วนแปลงที่ 2 จำนวน 1,387 ไร่ อยู่ในเขตบ้านท่าสี ใช้รองรับราษฎรของ ต.บ้านดง ทสจ.ได้มีหนังสือขอทราบความคืบหน้าไปยังกรมป่าไม้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และแปลงที่ 3 พื้นที่ 160 ไร่ อยู่บริเวณบ้านท่าสี ต.บ้านดง ใช้สำหรับสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เฟือง ทางกรมป่าไม้ มีหนังสือด่วนที่สุด สอบถามข้อมูลกลับมา ทางจังหวัดฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดกลับไปยังกรมป่าไม้แล้ว
โดยสรุปพื้นที่ทั้ง 3 แปลงได้ผ่านขั้นตอนของจังหวัดฯ ไปแล้ว แต่ยังคงอยู่ระหว่างการรอให้ทางอธิบดีกรมป่าไม้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ แต่ด้วยเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายตำแหน่ง ขอแนะนำให้ทาง กฟผ.เข้าพบเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเร่งด่วนที่สุด
สำหรับการสำรวจประเมินราคาที่ดินและทรัพย์สินของชาวบ้านนั้น ที่ดินจังหวัดลำปางได้ทำการสำรวจแล้วจำนวน 2,341 แปลง จาก 2,409 แปลง คิดเป็น 97 เปอร์เซ็นต์ บางส่วนที่ยังสำรวจไม่ครบเนื่องจากชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ และไม่นำสำรวจ ส่วนหนึ่งสำรวจรังวัดแล้วอยู่ระหว่างการทำแผนที่รูปแบบเพื่อส่งมอบ
ด้านการสำรวจอาคารและสิ่งปลูกสร้าง โยธาธิการและผังเมือง ได้ทำการสำรวจสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านอพยพตามมติ ครม.จำนวน 1,458 ราย ดำเนินการเสร็จแล้ว 571 ราย หรือประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่อยู่ระหว่างดำเนินการเขียนแบบและประมาณราคา ที่ค่อนข้างล่าช้า โดยทำไปแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์ ส่งรูปแปลงให้กับชลประทานแล้ว 88 ราย
ขณะที่การสำรวจต้นไม้และไม้ผล สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง ได้ทำการสำรวจ ณ วันที่ 19 ต.ค. 58 จำนวน 1,313 แปลง ตรวจสอบและลงบัญชีค่าทดแทนของชลประทาน และส่งให้กับชลประทานแล้ว
ด้านการจัดทำบัญชีค่าทดแทน ทางชลประทานได้รับจากสำนักงานที่ดินที่ประเมินราคาแล้วจำนวน 1,242 ราย, ต้นไม้ 1,182 ราย, สิ่งปลูกสร้างการถอดแบบบ้าน ได้รับมาทั้งหมด 89 ราย แต่เนื่องจากการถอดแบบต้องใช้ความละเอียด จึงใช้เวลานาน ส่วนการจัดทำบัญชีต้องรอส่งมาพร้อมกันก่อนจึงจะจัดทำบัญชีทั้งหมดได้
ขณะที่นายนำพล โพธิวงค์ หัวหน้าหน่วยประสานงานก่อสร้างและอพยพ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีราษฎรบุกรุกพื้นที่ป่าแม่เมาะบ้านเมาะหลวง หมู่ 8 ต.แม่เมาะ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการอพยพของราษฎรบ้านห้วยคิง หมู่ 6 ว่า กฟผ.ได้พิจารณาร่วมกันว่ามีกฎหมายใดที่จะรองรับการจ่ายค่าเยียวยา กรณีผู้ที่เข้าไปครอบครองพื้นที่รองรับการอพยพ จำนวน 64 ราย เนื้อที่ 255 ไร่ โดยได้หารือกับชลประทาน, สำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ทสจ. เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 58 ได้ข้อสรุปว่า เพื่อช่วยเหลือราษฎร 64 ราย และให้งานอพยพราษฎรดำเนินการไปได้โดยไม่มีปัญหา จึงควรให้มีการเยียวยาราษฎรที่เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่รองรับการอพยพ โดยจ่ายเฉพาะค่าต้นไม้ สิ่งปลูกสร้าง ตามอัตราของกรมชลประทาน และให้ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปพูดคุยเจรจา ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรตามแนวทางการเยียวยา จึงเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการอพยพราษฎร 5 หมู่บ้าน เพื่อนำไปดำเนินการต่อไป
นางแสงจันทร์ มูลซาว ผู้ใหญ่บ้านห้วยคิง หมู่ 6 เปิดเผยหลังการประชุมว่า เรื่องดังกล่าวได้ยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว เพราะเคยมีบันทึกสัญญากันไว้ว่า หลังจากมีมติ ครม.ภายใน 3 ปี ต้องมีการอพยพ คือ ไม่เกินปี 2560 แล้วเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปีกว่าเท่านั้น เรื่องก็ยังไม่ไปถึงไหน เพราะฉะนั้นชาวบ้านใน 2 ตำบล 5 หมู่บ้านคงจะมีการเคลื่อนไหวในอีกไม่ช้านี้แน่นอน