กาญจนบุรี - ตัวแทนสมาชิกโครงการหมู่บ้านมั่นคง พร้อมสมาชิกหมู่บ้านมั่นคง ตำบลตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา กาญจนบุรี รวมตัวเข้าขอความเป็นธรรมจากนายกเล็กหญิงเมืองท่าเรือพระแท่น เหตุมีบุคคลไปออกรายการทีวีดิจิตอล กล่าวโจมตีบ้านมั่นคง หวั่นกระทบการกู้เงินสินเชื่อจากองค์กรพัฒนาชุมชนล่าช้า
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (21 ต.ค.) น.ส.กิตติวรรณ จันทร์ผล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ถ.ชลประทานฝั่งซ้าย 14 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ตัวแทนสมาชิกโครงการหมู่บ้านมั่นคง พร้อมสมาชิกหมู่บ้านมั่นคง เข้าพบ น.ส.ปุณญวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ที่สำนักงานเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ต.ท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากมีบุคคลเป็นชาย 1 ราย ที่มีบ้านอาศัยอยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง ริมแม่น้ำแม่กลอง ไปออกรายการทีวีดิจิตอลชื่อดังช่องหนึ่งที่ กทม.
โดย น.ส.กิตติวรรณ จันทร์ผล เปิดเผยว่า การที่พวกเราเข้ามาพบนายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ในครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้มีเจ้าของบ้านหลังหนึ่งที่ปลูกติดกับพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง ได้ไปออกรายการทีวีดิจิตอลชื่อดังช่องหนึ่งที่ กทม.โดยการออกรายการได้มีการพูดเกี่ยวกับปัญหาว่า หากมีการก่อสร้างบ้านมั่นคงที่พวกเรากำลังดำเนินการอยู่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะทำให้น้ำเน่าเสีย กระทบไปถึงจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ลุ่มน้ำแม่กลอง รวมทั้งอาจจะก่อให้เกิดปัญหายาเสพติดขึ้น น้ำในแม่น้ำแม่กลองก็จะเน่าเสีย เพราะไม่มีระบบการบำบัดน้ำเสียที่ดี และเป็นพื้นที่น้ำท่วม
เมื่อบุคคลดังกล่าวไปออกรายการทีวีโดยให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว จึงทำให้พวกตนรู้สึกไม่สบายใจ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และการให้ข้อมูลดังกล่าวอาจจะทำให้โครงการก่อสร้างบ้านมั่นคงต้องหยุด หรือชะลอออกไป อีกทั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในการยื่นกู้เงินสินเชื่อจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะทำให้ล่าช้าออกไป เพราะการยื่นกู้เงินสินเชื่อสามารถทำได้เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น
โดยชาวบ้านที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านมั่นคง ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป บางครอบครัวทำงานโรงงาน และเป็นคนงานก่อสร้าง ซึ่งทั้งหมดได้รับการคัดกรองจากเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น เป็นอย่างดี โดยมีทั้งหมด 90 ครัวเรือน ประมาณ 400 คน พื้นที่ก่อสร้างบ้านครอบครัวละ 28 ตารางวา เช่าจากจากเทศบาลฯ ตารางวาละ 50 สตางค์ต่อปี หรือประมาณ 168 บาทต่อปี และเงินที่นำมาสร้างบ้านจะต้องไม่เกิน 3 แสนบาทต่อหลัง เงินทั้งหมดชาวบ้านกู้มาจากสินเชื่อสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ก่อนทำการกู้ทุกครอบครัวจะต้องมีเงินค้ำประกันเอาไว้จำนวน 10%
ดังนั้น การที่มีคนเข้าไปออกรายการทีวีอาจจะทำให้พวกเราได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการกู้เงินมาปลูกบ้าน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ลงเสาเตรียมปลูกบ้านเอาไว้แล้ว ส่วนการบริหารการจัดการบำบัดน้ำเสีย ก็ได้มีการจัดการเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี ซึ่งทุกครอบครัวต่างเคยอาศัยอยู่ในชุมชนที่แออัดมาก่อน จึงรู้ดีว่าการที่ได้เข้ามาอยู่บ้านมั่นคงจะต้องทำอย่างไร พวกเราชาวบ้านจึงมาขอความเป็นธรรมจากนายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่นในครั้งนี้ ส่วนปัญหาน้ำท่วมชาวบ้านเชื่อว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะหลังจากที่มีการสร้างเขื่อนขึ้นมานานร่วม 30 ปี ก็ไม่เคยเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกเลย ดังนั้น พวกเราจึงต้องการที่จะมีบ้านอยู่ก่อน ดีกว่าไม่มีที่อยู่
ด้าน น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น กล่าวว่า โครงการบ้านมั่นคง ดำเนินการ และอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนที่ดำเนินโครงการเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ไม่ใช่หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ คงเป็นการดำเนินโครงการโดยราษฎรที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัย รวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์บ้านมั่นคงเมืองท่าเรือพระแท่น และขอเช่าที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่อยู่ในการครอบครองของเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น เพื่อใช้ปลูกบ้านที่อยู่อาศัย โดยงบประมาณในการก่อสร้างบ้านได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
สำหรับพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง เป็นที่ดินสาธารณะที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น มีทั้งหมด จำนวน 92 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา ติดกับแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลในอดีตเตรียมใช้สำหรับสร้างหมู่บ้านบ้านเอื้ออาทร ประมาณ 21 ไร่ แต่โครงการก็ต้องหยุดไป และต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดปัจจุบันแทนประชาชนทีมีโครงการบ้านมั่นคงขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองจะได้มีที่สำหรับปลูกบ้านที่อยู่อาศัย โดยเช่าในราคาที่ถูก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกขับไล่ที่อีกต่อไป
“สำหรับอุปสรรคที่เกิดขึ้นเรื่องการที่มีบุคคลไปออกรายการทีวีดิจิตอลชื่อดังช่องหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ อาจจะกระทบต่อชาวบ้านทั้ง 90 ครัวเรือนก็เป็นได้ ดังนั้น ตนจะทำหนังสือชี้แจงไปยังผู้จัดการรายทีวีช่องดังกล่าวว่า สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร และหากเป็นไปได้ก็อยากให้รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของชาวบ้านที่ต้องการมีที่ดินปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัยด้วย เพราะทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ที่มีฐานะยากจนทั้งนั้น” น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น กล่าว
