พระนครศรีอยุธยา - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเดินทางปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” พหุวัฒนธรรม รุ่นที่ 2
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (10 ต.ค.) ณ อาคาร 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา คณะกรรมการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” พหุวัฒนธรรม รุ่นที่ 2 ได้จัดกิจกรรมพิธีปิดโครงการ โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ เป็นประธานในพิธีปิด พร้อมมอบโล่แก่ผู้สนับสนุนโครงการและมอบประกาศนียบัตรให้แก่เยาวชน ภายใต้โครงการมีกิจกรรมจัดเสวนาในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนาสังคมในมิติสังคมพหุวัฒนธรรมยุคโลกาภิวัตน์” ขึ้นที่หอประชุม 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา โดยเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และเข้าใจบริบทการอยู่ร่วมกันของพี่น้องภาคใต้เป็นอย่างดีมาร่วมในการเสวนาวันนี้ โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดร.เกษม บำรุงเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเยาวชนที่เข้าร่วมกว่า 500 คน
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ “สานใจไทย สู่ใจใต้” พหุวัฒนธรรม รุ่นที่ 2 ได้กล่าวว่า โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามกับเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาเข้าค่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม สำหรับรุ่นที่ 2 นี้ มีเยาวชนที่มาร่วมโครงการทั้งสิ้น 327 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จของโครงการฯ ในครั้งนี้ว่า ในส่วนของโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ได้รับความร่วมมือจากครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างมาก ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาร่วมในครอบครัวได้มีโอกาสศึกษาวิถีชีวิตเกี่ยวกับธรรมเนียมประเพณี สิ่งที่เยาวชนได้ไปก็ถือรับถือว่าเป็นส่วนที่ครอบครัวอุปถัมภ์ได้ทำประโยชน์ให้เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดและก็การถ่ายทอดนั้นถือว่าเป็นเรื่องของใจสู่ใจไม่ใช่เป็นเรื่องของวิธีการ
ซึ่งครอบครัวอุปถัมภ์ก็ได้ช่วยให้โครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และการที่มาปิดโครงการฯ นี้ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจุดเริ่มต้นของพหุวัฒนธรรม ความเชื่อในหลายๆ ความเชื่อได้มารวมกัน และได้มาเกิดสังคมที่มีความเชื่อหลากหลายนั้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก เมื่อประมาณสัก 500 ปีมาแล้ว อยากให้เด็กๆ ได้ทราบถึงความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันแล้วเด็กๆ เขาจะสานต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร อยากจะฝากไว้ว่าอนาคตของบ้านเมืองอยู่ในมือของเขาต่อไปในอนาคต