xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านนับหมื่นร้องผู้ว่าฯ ระยอง ทบทวนจัดที่ทำกินของรัฐ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระยอง - ชาวบ้าน 2 ตำบลนับหมื่นคน ลงชื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ระยอง เรียกประชุมคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐจังหวัดระยอง ทบทวนจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎร หลังประกาศถอนสภาพที่หวงห้ามของกรมป่าไม้

วันนี้ (8 ต.ค.) ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รับหนังสือจาก นายสินธิ์ กีรตยาคม อดีตกำนันตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง ผู้แทนประชาชนที่มีส่วนได้เสีย พร้อมด้วย นายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง นายสุทธา เหมสถล ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง นายบรรเจิด จิตต์เจริญ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักท้อน นายทัศนัย ทองคต นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักท้อน นายวิรัตน์ จิตต์เจริญ กำนันตำบลสำนักท้อน นายสกล แซมหิรัญ ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอบ้านฉาง และผู้ใหญ่บ้าน

โดยมีประชาชนกว่า 500 คน มาร่วมลงชื่อเพื่อยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเรียกประชุมคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จังหวัดระยอง ทบทวนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่ถือครอง และทำประโยชน์ที่ดินในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่ง และ ต.สำนักท้อน จ.ระยอง พ.ศ.2492

โดย นายสินธิ์ กีรตายาคม ผู้แทนประชาชนที่มีส่วนได้เสีย กล่าวว่า ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น ได้เดินทางมาพบพี่น้องประชาชนที่ทำมาหากินในเขตพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง และ ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นับพันคน เพื่อแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง และ ต.สำนักท้อน ที่ครอบครองและทำประโยชน์ที่ดินอยู่ในเขตหวงห้ามของกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่งและ ต.สำนักท้อน อ.เมืองระยอง พ.ศ.2492

และได้สั่งการให้กรมป่าไม้ตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ที่สมควรเพิกถอนจะสงวนและหวงห้ามไว้ และทำเรื่องเพิกถอนพื้นที่ที่สมควรเพิกถอน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2514 ให้กรมที่ดินทำการสำรวจแนวเขตพื้นที่ที่สมควรเพิกถอน ตามแผนที่สำรวจที่ดินของกรมป่าไม้ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 42,750 ไร่เศษ ให้จังหวัดแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการ และตัวแทนภาคประชาชนเป็นคณะทำงานสำรวจพื้นที่ในเขตหวงห้ามและพื้นที่สมควรเพิกถอนการหวงห้าม แต่งตั้งคณะทำงานกำกับติดตามเร่งรัดการดำเนินการเพิกถอนที่ดินหวงห้าม

นายสินธิ์ กีรตยาคม กล่าวว่า ต่อมาคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จ.ระยอง ได้ประชุมพิจารณากรณีกรมป่าไม้ขอถอนสภาพการหวงห้ามที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่ ต.ห้วยโป่ง และ ต.สำนักท้อน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา และมีมติให้อำเภอท้องที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีการสอบสวนปากคำชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่ง และ ต.สำนักท้อน พ.ศ.2492 โดยสภาพมีชุมมาอยู่อาศัยทำไร่ ทำสวน โดยมีการครอบครองต่อเนื่องกันมามากกว่า 70 ปี มีวัด และโรงเรียนก่อน พ.ศ.2492

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่ถือครอง และทำประโยชน์ในพื้นที่ ให้ได้มีเอกสารสิทธิรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน สามารถจำหน่ายจ่ายโอน หรือเป็นหลักประกันการกู้เงินประกอบการลงทุนในกิจการ เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ อำเภอบ้านฉาง จึงเห็นสมควรให้มีการดำเนินการถอนสภาพการหวงห้ามที่ดินบางส่วนตามระเบียบและกฎหมาย ส่วนทางด้าน อ.เมืองระยอง ก็มีความเห็นเช่นเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร เห็นควรให้มีการถอนสภาพการหวงห้ามที่ดินบางส่วนตามระเบียบและกฎหมาย

นายสินธิ์ ผู้แทนประชาชนที่มีส่วนได้เสีย กล่าวต่อไปอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดิน จ.ระยอง ทางด้านความเห็นของฝ่ายเลขานุการ พิจารณาเห็นว่า กรมป่าไม้มีความประสงค์ขอถอนสภาพที่ดินที่มีการหวงห้ามไว้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง และ ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พ.ศ.2492 บางส่วนเนื้อที่ประมาณ 43,272 ไร่เศษ ขอถอนสภาพตามมาตรา 8 วรรคสอง แห่งประมวลกฏมายที่ดิน และตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบแล้วว่า กรมป่าไม้ไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินหวงห้ามที่จะดำเนินการถอนสภาพดังกล่าว และมีความเห็นว่า ไม่ขัดข้องในการถอนสภาพที่ดิน สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการประชุมราษฎรที่เคยใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว มีความเห็นว่า ไม่ขัดข้องและเห็นชอบให้ทำการถอนสภาพที่ดินหวงห้ามได้ และควรนำที่ดินที่ทำการถอนสภาพแล้วมาจัดให้ราษฎรทำกิน

ดังนั้น จึงเห็นควรให้ถอนสภาพการหวงห้ามที่ดินของกรมป่าไม้บางส่วนได้ และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนการหวงห้ามที่ดินแล้ว ที่ดินดังกล่าวจะมีสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่าตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รัฐบาลสามารถมาจัดให้ประชารชนเข้าอยู่อาศัยได้ เดิมฝ่ายเลขานุการได้เสนอให้นำที่ดินดังกล่าวมาดำเนินการจัดที่ดินให้ประชาชนตามมาตรา 30 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่เนื่องจากกรมที่ดินมีบุคลากร และงบประมาณไม่เพียงพอที่จะดำเนินการ จึงขอทบทวนการเสนอความเห็นว่า เห็นควรให้นำที่ดินดังกล่าวมาดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511

นายสินธิ์ ผู้แทนประชาชนที่มีส่วนได้เสียกล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านจำนวน 500 คน ได้ยื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้เรียกประชุมคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จังหวัดระยอง เพื่อทบทวนแก้ไขมติใหม่จากเดิมที่เคยเสนอให้ใช้มาตรา 30 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน คือ ออกใบจองให้ และสามารถนำไปออกโฉนดที่ดินได้ภายใน 353 วัน ตามที่รองอธิบดีกรมที่ดินซึ่งเคยมาประชุมกับรัฐมนตรีว่า ณ วันที่รัฐมนตรี มีประกาศให้ออกโฉนดได้นับแต่วันที่ประกาศไปอีก 353 วันออกโฉนดได้ แต่ถ้ามาใช้การจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ต้องรอไปอีก 11 ปี ประชาชนถึงจะได้สิทธิ วันนี้พี่น้องประชาชนที่ถือครองที่ดินแปลงดังกล่าวต้องการให้ออกใบจองเพื่อนำไปออกโฉนดได้เลย ไม่เอาตาม พ.ร.บ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
กำลังโหลดความคิดเห็น