xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ ชลบุรีสั่งฟันผู้ประกอบการเรือบรรทุกสินค้าสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯ ชลบุรี สั่งฟันผู้ประกอบการเรือบรรทุกสินค้า หลังมีเหตุการณ์เรือจมบ่อยครั้งบริเวณเกาะสีชัง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก

วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ห้องประชุมพระรักษาเทพ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานกำหนดมาตรการแนวทางปฏิบัติกู้เรือบรรทุกสินค้าจมในทะเลจังหวัดชลบุรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมกันวางมาตรการดังกล่าว หลังมีเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าจมบริเวณเกาะสีชังขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล และสิ่งแวดล้อม

นายพิสุทธิ์ อมรยุทธ์ หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 6 สาขาชลบุรี กล่าวถึงปัญหาที่มีเรือบรรทุกสินค้าจมบริเวณเกาะสีชังขึ้นบ่อยครั้งนั้น เนื่องจากช่วงบริเวณดังกล่าวมีพายุเข้าทำให้เกิดคลื่นลมในทะเลแรง ส่งผลให้เรือบรรทุกสินค้าที่มาจอดทอดสมอเพื่อรอขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือใหญ่ เกิดกระแทกกันทำให้จมดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา มีการกู้ซากเรือไปแล้ว

ส่วนเหตุการณ์เรือจมล่าสุดนั้นเป็นเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ผงของบริษัท เอสพี อินเตอร์ มารีน จำกัด ถูกกระแสลมพัดไปเกยหินบริเวณท้ายเกาะสีชัง (กองหินตาสิน) ทำให้เรือบาร์จที่บรรทุกปูนซีเมนต์มาทั้งสิ้น 4 ลำ เกยหิน และเกิดรูรั่วมีน้ำทะเลไหลเข้าสู่เรือ 2 ลำ ทำให้น้ำปูนซีเมนต์ไหลลงสู่ทะเล ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล และสิ่งแวดล้อมบริเวณดังกล่าว

นายพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ทำการกู้ซากเรือดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างส่งแผนการกู้เรือให้เจ้าท่าฯ ตรวจสอบเพื่อไม่ให้สร้างปัญหา หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากขณะนี้มีน้ำปูนซีเมนต์ผสมกับน้ำทะเลอยู่ในเรือบาร์จจำนวนมาก ที่สำคัญหน่วยงานในพื้นที่โดยเฉพาะเทศบาลตำบลเกาะสีชัง หวั่นจะสร้างปัญหาหากไม่มีมาตรการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดในการกู้ซากเรือครั้งนี้

ด้าน นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายทราบดี โดยเฉพาะผู้ประกอบการเรือบรรทุกสินค้าว่าจะมีคลื่นลมแรงในทะเล ดังนั้น จะต้องวางมาตรการดูแลที่เข้มงวดขึ้น และเตรียมรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นไว้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เช่น ต้องมีการผูกโยงเรือให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้เรือไปโดนกัน ต้องทอดสมอเรือเพิ่มขึ้น แต่กรณีดังกล่าวผู้ประกอบการไม่กระทำเพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน ดังนั้น กรมเจ้าท่าต้องใช้กฎหมายไปบังคับควบคุมดูแลเพิ่มขึ้น เพราะเกิดปัญหาเรือบรรทุกสินค้าจมในแต่ละครั้งจะสร้างปัญหา และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล

จากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ทางเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาก และเป็นห่วงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามหวั่นผู้ประกอบการเรือจะละเลย และไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะการกู้ซากเรือนั้นยังไม่มีมาตรการ และแผนงานที่ชัดเจน ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมเจ้าท่า สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ต้องร่วมมือ และเฝ้าระวังปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

นายคมสัน กล่าวต่อว่า จากการฟังคำชี้แจงของตัวแทนบริษัท เอสพี อินเตอร์ มารีน จำกัด ถึงเหตุการณ์เรือปูนซีเมนต์จมในครั้งนี้ และแนวทางในการป้องกันปัญหาและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทางผู้ประกอบการไม่มีความจริงใจในการป้องกันปัญหา และผลกระทบเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบหวั่นเกิดปัญหา โดยเฉพาะน้ำทะเลที่อยู่บนเรือนั้นมีสีเขียวเข้มผิดปกติ แต่ทางผู้ประกอบการแจงว่า ไม่น่ามีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความไม่พอใจต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่ร่วมประชุมในครั้งนี้ จึงสั่งการให้กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินมาตรการอย่างเฉียบขาดต่อบริษัทดังกล่าว หลังไม่มีธรรมาภิบาลในการดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม

แหล่งข่าวจากเทศบาลตำบลเกาะสีชัง กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการกู้ซากเรือที่จมอยู่ในขณะนี้จะต้องมีการวางแนวทางที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะหากไม่มีแนวทาง หรือมาตรการที่ชัดเจนจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน เนื่องจากสภาพเรือที่จมที่มีปูนซีเมนต์จำนวนมากผสมกับน้ำทะเลในขณะนี้ หากไม่มีการสูบน้ำในเรือนำไปบำบัดอย่างถูกต้องก่อนกู้ซากเรือนั้นถือว่าผิดขั้นตอน และวิธีการกู้ซากเรืออย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการเรือคงสูบน้ำดังกล่าวทิ้งทะเลเพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งยิ่งจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล

ปัญหาที่เกิดขึ้นหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบจะต้องมาพูดคุยกันเพิ่มมากขึ้นเพื่อหาแนวทางร่วมกัน โดยไม่ใช่เพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้นที่ตัดสินใจ แต่หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่สามารถทำได้ ทางเทศบาลฯ พร้อมรับไปดำเนินการในทันที และพร้อมจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะหมดไปอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การดำเนินการครั้งนี้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลายหน่วยงาน แต่หากยังไม่เข้มงวดกวดขันอย่างจริงจัง และยังปล่อยปละละเลยให้ผู้ประกอบการเรือไม่ปฏิบัติอย่างจริงจัง จนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทางเทศบาลฯ จะต้องมีการฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในข้อหาละเว้นต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น