ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พบปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนสำคัญ 2 แห่งของเชียงใหม่ ทั้ง “แม่งัด” และ “แม่กวง” เหลือน้อยเข้าขั้นวิกฤตหนักที่สุดของเขื่อนที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ แถมยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หวั่นกระทบหนักพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ 5 อำเภอ 2 จังหวัด
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะนี้สถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญทั้ง 2 แห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด กำลังเผชิญปัญหาปริมาณน้ำกักเก็บที่เหลือน้อยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ ระบุว่า ณ วันที่ 1 ต.ค. 58 ในส่วนของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีปริมาณน้ำทั้งสิ้น 65 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของความจุอ่าง สามารถใช้การได้ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ถือว่าเป็นเขื่อนที่มีปริมาณน้ำน้อยที่สุด และวิกฤติหนักที่สุดของเขื่อนขนาดกกลาง และขนาดใหญ่ 7 แห่งของภาคเหนือ มีปริมาณน้ำเหลือเพียง 32 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 11.95 ของความจุอ่าง สามารถใช้การได้ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวมีการประเมินว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง ที่จำเป็นจะต้องมีการวางแผนบริหารจัดการใช้น้ำ โดยเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลที่รับผิดชอบพื้นที่เพาะปลูก 188,000 ไร่
เบื้องต้นถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าเขื่อนแม่กวงอุดมธาราซึ่งรับผิดชอบส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูก รวมกว่า 175,000 ไร่ โดยคาดว่าจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อใช้ในการเพาะปลูกในอนาคตที่จะถึง
สำหรับเขื่อนแม่กวงอุดมธารานั้น ขณะนี้มีปริมาณน้ำน้อยเพียงร้อยละ 11.95 ของความจุอ่างถือว่ามีแนวโน้มจะเกิดวิกฤต และอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ไม่เพียงแค่จะส่งผลต่อปัญหาปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอกับการเพาะปลูกเท่านั้น แต่หากฝนยังตกทิ้งช่วงจนถึงช่วงฤดูหนาว ประมาณกลางเดือนตุลาคมที่จะถึง และมีแนวโน้มว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภคไม่มากก็น้อยใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนบางส่วนอีกด้วย