จันทบุรี - อ่างเก็บกักน้ำ 4 แห่งหลักของจังหวัดจันทบุรี มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และเพียงพอต่อช่วงฤดูแล้งในปีนี้ หลังจากหว่ามก๋อ กระหน่ำ ในพื้นที่นานหลานวัน ขณะที่พื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว ยังน่าเป็นห่วง เพราะอยู่นอกเขตชลประทาน และยังไม่มีอ่างเก็บกักน้ำ ทำให้พื้นที่เพาะปลูกลำไยส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งได้ทุกปี
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง ชลประทานจังหวัดจันทบุรี ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บกักน้ำ 4 แห่งหลักในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ว่า จากที่พายุโซนร้อนหว่ามก๋อได้พัดผ่านเข้าในประเทศไทย และจังหวัดจันทบุรี ทำให้พื้นที่จังหวัดจันทบุรี มีฝนตกหนัก และส่งผลดีทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บกักน้ำ 4 แห่งหลัก ประกอบด้วย อ่างเก็บกักน้ำศาลทราย มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 10.12 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุอ่างอยู่ที่ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บกักน้ำคลองพระพุทธ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 66.038 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุอ่างอยู่ที่ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บกักน้ำคิรีธาร มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 75.148 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุอ่างอยู่ที่ 98.88 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บกักน้ำพลวง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 48.761 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุอ่างอยู่ที่ 60.71 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทั้ง 4 แห่ง มีปริมาณน้ำเป็นที่น่าพอใจ และสามารถที่จะนำไปช่วยเหลือเกษตรกร และชาวบ้าน รวมทั้งพื้นที่เพาะปลูกผลไม้ในช่วงฤดูแล้งในปีนี้ได้อย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ ชลประทานจังหวัดจันทบุรี ยังกล่าวต่ออีกว่า ในโซนอำเภอสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ที่เป็นโซนนอกเขตชลประทานที่มักจะเกิดผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งขึ้นเป็นประจำทุกปีนั้น ซึ่งตนเองยังมีความเป็นห่วงอยู่มาก เนื่องจากพื้นที่อำเภอสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำ ที่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานไม่มีอ่างเก็บกักน้ำ และเขื่อนเหมือนกับอำเภอทั่วๆ ไป รวมทั้งพื้นที่ตำบลวังโตนด อำเภอท่าใหม่
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกจุดหนึ่งที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ได้ขึ้นอีก ในส่วนนี้ทางชลประทานจังหวัดจันทบุรี ได้มีการวางแผนประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัด และทหารหากเกิดภัยแล้งก็จะมีการนำรถน้ำเข้าไปแจกจ่ายน้ำให้แก่เกษตรกร และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากนั่นเอง