ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ทีมแพทย์โรงพยาบาลสวนปรุงแจงกรณีหนุ่มป่วยทางจิตลงมือก่อเหตุคว้ามีดฟันเด็กเสียชีวิต 5 ศพ เผยมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ปี 2555 ล่าสุดเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อ ส.ค. 58 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุได้ เตรียมประสานนำตัวกลับมารักษาต่อ ขณะที่การลงพื้นที่ประเมินสภาพจิตใจครอบครัวผู้สูญเสีย พบยังอยู่ในอาการโศกเศร้าต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิดช่วยปรับสภาพจิตใจ
เย็นวันนี้ (28 ก.ย. 58) ที่โรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ ปริทรรศ ศิลปกิจ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง พร้อมทีมแพทย์แถลงข่าวกรณี นายอาซาผะ สีวัวะ มือมีดแทงดับ 5 ศพเด็กที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และการลงพื้นที่ประเมินสภาพจิตใจครอบครัวผู้สูญเสีย โดยระบุว่าครอบครัวผู้สูญเสียยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเพราะต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปพร้อมๆ กันและที่สำคัญยังเป็นเด็กเล็กๆ บางคนยังกินอาหารไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง ซึ่งได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบลและอำเภอให้ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งทีมแพทย์เป็นห่วงทั้งครอบครัวผู้ก่อเหตุและครอบครัวผู้สูญเสียในเรื่องการปรับสภาพจิตใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นค่อนข้างสะเทือนใจ
สำหรับประวัติการรักษาตัวผู้ก่อเหตุนั้น ก่อนที่จะมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนปรุง เคยรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มาก่อน แต่ไม่ได้รักษาต่อเนื่องทำให้อาการรุนแรงขึ้น และได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2558 ด้วยอาการควบคุมตัวเองลำบาก พร้อมกับอาการทางจิตทั่วไป หูแว่ว ประสาทหลอน โดยได้รับการแอดมิทเป็นเวลา 16 วัน ซึ่งถือว่าอาการค่อนข้างหนัก และทีมแพทย์ได้ให้การรักษาปรับตัวยาให้เหมาะสมอย่างใกล้ชิด กระทั่งสภาพจิตใจดีขึ้น และยาที่ใช้ไม่มีผลข้างเคียง จึงอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ โดยออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม และในวันที่ 28 สิงหาคมก็ยังมารับยารักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลไชยปราการ กระทั่งเกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ทำให้นายอาซาผะลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้นั้น รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุงบอกว่า ในเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินและระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ว่าเหตุใดนายอาซาผะจึงก่อเหตุ ทั้งนี้จะต้องมีการพูดคุยสอบถามคนรอบข้างและประมวลปัจจัยต่างๆ ก่อนว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะเป็นมูลเหตุจูงใจให้ทำ ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลสวนปรุงเตรียมจะประสานไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ที่นายอาซาผะกำลังรักษาตัวอยู่ในเวลานี้เพื่อนำตัวมารักษาต่อ
นอกจากนี้ นายแพทย์ ปริทรรศเปิดเผยว่า ข้อมูลผู้ป่วยอาการทางจิตที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในปัจจุบันถือว่ามีเยอะพอสมควรประมาณ 0.1% แต่อาการอาจจะไม่รุนแรงเพียงแต่มารับยาแล้วก็กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ ยกเว้นบางรายที่อาจมีการเสพยา ดื่มสุราควบคู่ไปด้วย ซึ่งมีจำนวนหนึ่งแต่ถือว่าน้อยมาก สำหรับการสังเกตอาการของผู้ป่วยทางจิตนั้นแนะนำให้เฝ้าสังเกต หากเมื่อใดผู้ป่วยเริ่มมีท่าทีที่หลุดออกจากความเป็นจริง หรือมีอาการเหม่อลอย ทั้งจากการเผชิญกับภาวะเครียด รวมถึงการขาดยาเป็นเวลาเกินกำหนด ให้รีบแจ้งไปยังโรงพยาบาลประจำตัวผู้ป่วย หรือโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก