บุรีรัมย์ - คืบหน้ากรณีผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้บริหารเทศบาลเมืองชุมเห็ด หลังถูกร้องเรียนงาบเงินโบนัสของข้าราชการส่วนท้องถิ่นกว่า 80 คน ล่าสุดเทศบาลฯ ที่ถูกตั้งกรรมการสอบกลับมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่เข้าให้ถ้อยคำกับกรรมการระดับจังหวัด อ้างส่งข้อมูลทางสื่อออนไลน์ทำเสียหาย เชื่อเป็นการข่มขู่สร้างความหวาดกลัวแก่เจ้าหน้าที่
วันนี้ (22 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เทศบาลเมืองชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าเรียกรับผลประโยชน์จากเงินโบนัสประจำปีหรือค่าตอบแทนพิเศษ ของข้าราชการส่วนท้องถิ่นในสังกัดรวม 83 คน คนละ 12 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินโบนัสที่ได้รับเฉลี่ยคนละ 3.5 เท่าของเงินเดือนนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ พนักงานเทศบาล รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังคงทยอยเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการฯ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ทางเทศบาลเมืองชุมเห็ดที่ถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กลับมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงระดับจังหวัด
โดยคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งเทศบาลเมืองชุมเห็ด ที่ 546/2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพนักงานที่ส่งข้อมูลทางสื่อออนไลน์อันเป็นเท็จทำให้ราชการเสียหาย ลงวันที่ 17 ก.ย. 2558 ลงนามโดย นายสมศักดิ์ แมนไธสง นายกเทศมนตรีเมืองชุมเห็ด เนื้อหาคำสั่งอ้างว่า ด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองชุมเห็ดได้ส่งข้อมูลข่าวสารสื่อออนไลน์ชี้นำการสอบสวนข้อเท็จจริงมีลักษณะอันเป็นเท็จ ทำให้เทศบาลเมืองชุมเห็ดเสียหายและเกิดความเสื่อมเสียต่อการบริหารราชการของผู้บริหารท้องถิ่น จึงแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ การออกคำสั่งดังกล่าวของทางเทศบาลฯ ได้สร้างความหวาดกลัวแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพราะเชื่อว่าเป็นการข่มขู่พนักงานที่เข้าให้ถ้อยคำเป็นพยาน ในกรณีที่ทางผู้บริหารเทศบาลเมืองชุมเห็ดถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องเรียกรับผลประโยชน์จากเงินโบนัสประจำปีดังกล่าว
พนักงานรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า การเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ทางจังหวัดบุรีรัมย์โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งขึ้น เนื่องจากถูกเรียกเข้าไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริงในฐานะพยาน แต่กลับถูกทางผู้บริหารเทศบาลออกคำสั่งเรียกสอบ จึงสร้างความหวาดกลัวแก่เจ้าหน้าที่ ทั้งเกรงจะถูกกลั่นแกล้งเกี่ยวกับหน้าที่การงาน กรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หรือผู้มีอำนาจ ได้มีคำสั่งให้ผู้บริหารที่ถูกตรวจสอบเรียกรับประโยชน์จากเงินโบนัส หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราวจนกว่าผลสอบจะแล้วเสร็จเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายด้วย
ขณะที่ประกาศของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จ.บุรีรัมย์ เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการกำหนดเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ อันมีลักษณะเป็นเงินรางวัลประจำปี สำหรับพนักงานส่วนตำบล ลูกจ้าง และพนักงานเจ้าขององค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2558 ระบุไว้ดังนี้ 1. องค์การบริหารส่วนตำบลต้องมีวงเงินคงเหลือจ่ายค่าใช้จ่ายเงินเดือนค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอื่นที่กำหนดไว้ไม่สูงเกินร้อยละ 40 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ขอรับการประเมิน
2. องค์การบริหารส่วนตำบลต้องได้รับผลคะแนนการประเมินมาตรฐานการปฏิบัติราชการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในปีงบประมาณที่ผ่านมาของปีที่ขอรับการประเมินทุกด้าน ด้านละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
3. ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีต้องมีงบประมาณรายจ่ายเพื่อการพัฒนาไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ขอรับการประเมิน
และ 4. องค์การบริหารส่วนตำบลจะจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษได้ต้องดำเนินการจัดทำงบแสดงฐานะการเงิน ปิดบัญชีรายรับ-รายจ่ายเสร็จเรียบร้อย และรายงานผลให้หน่วยงานต่างๆ ทราบตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด ในกรณีที่ อบต.แห่งใดไม่ประสงค์จะขอรับการประเมิน หรือมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่อาจขอรับการประเมินได้ ให้แจ้งเหตุผลและความจำเป็นให้คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลทราบ