ลำพูน - ชาวบ้านเมืองเจ้าแม่จามเทวี ส่งตัวแทนยื่นร้องทุกข์ผู้ว่าฯ-ทหาร พร้อมรวมตัวปลูกกล้วย-ปล่อยปลากลางถนน ประจานให้คนเห็นสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดเส้นทาง จนเดือดร้อนกันมานาน เผยขอเทศบาลฯ ช่วยก็บอกเกินศักยภาพ-บอก อบจ.ทำ อ้างไม่มีงบ
วันนี้ (15 ก.ย.) นายมนตรี ใจคำ พร้อมตัวแทนชาวบ้านหมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 5 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน ได้เข้ายื่นหนังสือทุกข์กรณีถนนชำรุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ก่อนยื่นเรื่องร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมี พ.ท.นพดล คามเกตุ เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 7 ส่วนแยก 1 ลำพูน รับเรื่อง
นายมนตรีบอกว่า ถนนเชื่อมหมู่บ้านจักรคำภิมุข และบ้านพันตาเกิน และตำบลริมปิง ความยาวประมาณ 4.5 กม. ที่สร้างมานานกว่า 20 ปี เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดเส้นทางทำให้ชาวบ้านซึ่งใช้สัญจรไปมา ขนพืชผลทางการเกษตรกันทุกวัน รวมถึงเด็กนักเรียนต่างเดือดร้อนกันหมด ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ก่อนหน้านี้ชาวบ้านเคยร้องขอไปยังเทศบาลตำบลต้นธง ให้ช่วยปรับปรุงสภาพถนน แต่ได้รับคำตอบว่าทำไม่ได้เพราะเกินศักยภาพ พอร้องขอไปยัง อบจ.ก็บอกว่าไม่มีงบประมาณ ให้เทศบาลฯ ทำเอง ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงได้ขอความอนุเคราะห์มายังจังหวัดลำพูน และหน่วยงานทางทหารเพื่อช่วยจัดสรรงบประมาณสร้างถนนใหม่ ชาวบ้านจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจักรคำภิมุข ประมาณ 50 คน ได้นำต้นกล้วยมาปลูก นำปลามาปล่อยในหลุมกลางถนนซึ่งมีน้ำขัง เพื่อประจานให้เห็นกันว่าสภาพถนนย่ำแย่เพียงใด และมีหลายคนประสบอุบัติเหตุจากจักรยานยนต์ล้มขณะขับขี่สัญจรไปมาด้วย
ด้านนางทองศรี บุญมาเรียง อายุ 51 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านจักรคำภิมุข กล่าวว่า ถนนดังกล่าวเป็นทางเชื่อมไปมาระหว่าง ต.ริมปิง อ.สันป่าตอง , อ.ป่าซาง และ ต.เหมืองง่า ที่สร้างมานานแล้ว ปัจจุบันสภาพแย่มาก เดินทางไปมาลำบาก เป็นหลุมเป็นบ่อเกิดอันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะหน้าฝนลำบากสุดๆ แต่ก็ต้องทนเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร วันนี้พวกตนได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รับทราบความเดือดร้อนและจะรอคำตอบหากอีก 2 เดือน หากไม่มีความคืบหน้าจะพากันเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดลำพูนต่อไป
นางวิน อินคัน อายุ 58 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านพันตาเกิน กล่าวว่า การเดินทางไปมาลำบากมาก อยากให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจช่วยเหลือชาวบ้านอย่างพวกเราด้วย เพราะไม่รู้จะไปพึ่งใครที่ไหน ลำพังทำมาหากินทุกวันนี้ ก็ทุกข์ยากอยู่แล้ว ซึ่งถ้าทางหน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีการทำอะไรอีก ภายใน 2 เดือนนี้ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนก็จะรวมตัวกันไปร้องทุกข์ต่อพ่อเมืองลำพูนอีกครั้ง
