อุบลราชธานี - สองตายายเด็กหญิงเหยื่อฉีดยาตายเมื่อ 3 ปีก่อน ร้องสำนักงานยุติธรรม จ.อุบลราชธานี ช่วยหาทนายอาสาแก้ต่างคดีถูกคู่กรณีเป็นอดีต ผอ.รพ.สต.ฟ้องกลับให้การเท็จ ด้าน ป.ป.ท.เขต 3 ระบุคดีที่สองตายายแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดฉีดยาหลานจนตายมีมูล รอ ป.ป.ท.ส่วนกลางสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ก่อนส่งให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป
ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงยุติธรรม นายปองพล วงษาชัย อายุ 51 ปี ราษฎรบ้านเลขที่ 104 หมู่ 9 บ้านซำวัว ต.นาโพธิ์ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อนายณัฐฐ์นนท์ ประครองใจ ยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ให้ช่วยเหลือกรณีถูกฟ้องร้องที่ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของหลานสาว คือ เด็กหญิงศิริธาดา ประทีป อายุ 3 ขวบ เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 หลังไปรับการรักษาที่คลินิกเอกชนในตำบล
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2555 นายปองพล วงษาชัย อายุ 51 ปี ราษฎรบ้านเลขที่ 104 หมู่ 9 บ้านซำวัว ต.นาโพธิ์ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาโพธิ์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรณีหลานสาวคือ เด็กหญิงศิริธาดา ประทีป อายุ 3 ขวบ ไปรักษาอาการป่วยกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล แต่ผู้อำนวยการแนะนำให้นำหลานไปรับการรักษาที่คลินิกของผู้อำนวยการรายนี้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน หลังตรวจและฉีดยาแก้ลำไส้อักเสบได้ครู่เดียว ด.ญ.ศิริธาดามีอาการชักเกร็งจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอบุณฑริก และเสียชีวิตในวันเดียวกัน โดยแพทย์ลงความเห็นการเสียชีวิตว่าหัวใจหยุดเต้นจากภาวะช็อกกะทันหัน
ต่อมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลรายนี้ พร้อมมีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการเพราะกระทำโดยประมาทจนมีผู้เสียชีวิต ส่วนคดีอาญานั้นพนักงานอัยการจังหวัดได้ส่งสำนวนการสอบสวนคืนให้ทางตำรวจ โดยแจ้งว่าผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องให้สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 3 เป็นผู้สอบสวนดำเนินคดี จึงถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวยังเงียบหายมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปี
แต่ปรากฏว่า นายปองพล และนางทองบาง วงษาชัย สองผัวเมียถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนดังกล่าว ฟ้องต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานี ฐานให้การเท็จ ทำให้ผู้อำนวยการคนดังกล่าวต้องถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษ และสองตายายต้องไปขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้องในวันจันทร์ที่ 14 ก.ย.นี้ จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากเป็นคนยากจนไม่มีเงินว่าจ้างทนายและหากศาลประทับรับฟ้อง ก็ไม่มีเงินใช้ประกันตัวเองระหว่างสู้คดี
นายณัฐฐ์นนท์ ประครองใจ ยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับเรื่องและจะหาทนายอาสามาเป็นผู้แก้ต่างในคดีให้ และหากศาลประทับรับฟ้องก็จะให้ญาติของนายปองพลมาทำเรื่องขอยื่นเงินใช้ประกันตัวจากสำนักงานยุติธรรม เพื่อนำไปขอประกันตัวระหว่างสู้คดีกับทางศาล ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจนไม่มีเงินใช้วางประกันตัวเอง แต่ขณะนี้ยังไม่ถือว่านายปองพลเป็นจำเลย เพราะศาลยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อเข้ามาขอรับความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดก็จะดำเนินการให้การช่วยเหลือเบื้องต้นดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ทนง เพิ่มพูน ผู้อำนวยการกลุ่มงานปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 3 กล่าวถึงสำนวนการสอบสวนคดีนี้ว่า ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนเมื่อปลายปี 2557 และมีความเห็นว่าคดีมีมูลจึงได้ส่งให้สำนักงาน ป.ป.ท.ส่วนกลางสั่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นไตร่สวนเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่ส่งกลับมายังสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 3 ทั้งนี้ คาดว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการส่วนกลาง ถ้า ป.ป.ท.ส่วนกลางมีความเห็นตามที่เสนอไป ก็จะแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงภายใน 15 วัน ถ้าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์ให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือมาให้ข้อมูล แต่คณะอนุกรรมการเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดจริง ก็จะส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป