เชียงใหม่ - พ่อค้าแม่ค้าไนท์บาซาร์เชียงใหม่โต้เถียงกันรุนแรงหน้าห้องประชุมจัดระเบียบแผงค้าใหม่จนเกือบวางมวยกันเอง หลังเห็นต่างกันจนหาข้อสรุปในการออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ไม่ได้ ขณะที่เทศบาลฯ ย้ำต้องยึดหลักการเดิมตามคำสั่งศาลปกครอง
วันนี้ (2 ก.ย.) นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบไนท์บาซาร์ แหล่งท่องเที่ยว-ทำเลทองการค้าขายของที่ระลึกกลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อหาข้อสรุปในการออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ โดยมีตัวแทน มณฑลทหารบกที่ 33, อัยการจังหวัด, รองผู้อำนวยการความมั่นคงภายในหรือ กอ.รมน., นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, ตัวแทนพ่อค้าศูนย์การค้า และตัวแทนร้านค้าแผงลอยเข้าร่วมหารือ และหาทางออก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ณ ห้องประชุม เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ที่ประชุมได้ให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นนานเกือบ 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นเกี่ยวกับการตั้งแผงจำหน่ายสินค้าแตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ที่ประชุมจึงมีแนวทางให้ยึดหลักการเดิมตามคำพิพากษาของศาลปกครอง และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ไปยื่นข้อร้องเรียนต่อเทศบาลนครเชียงใหม่ที่มีอำนาจเต็มในฐานะเจ้าของพื้นที่
นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ยืนยันว่า การจัดระเบียบแผงค้าไนท์บาซาร์จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง คือ ความกว้างแผงจำหน่ายสินค้าต้องไม่เกิน 90 เซนติเมตร ลึก 100 เซนติเมตร สูงไม่เกิน 180 เซนติเมตร ซึ่งมีแผงผู้ค้าทั้งหมด 883 ราย
แต่บางพื้นที่ฟุตปาธมีความลึกเพียง 70 เซนติเมตร ไม่สามารถตั้งแผงได้ ทำให้แม่ค้าบางรายถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ขายสินค้า และพ่อค้าแม่ค้าอีกบางกลุ่มที่มีแผงจำหน่ายกว้างเกิน 90 เซนติเมตรต้องถูกลดพื้นที่แผงขายลงให้เหลือเท่ากันหมดเพื่อความเป็นธรรม ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายรายที่มีแผงกว้างกว่ากำหนดไม่พอใจ เนื่องจากเซ้งพื้นที่มาในราคาแพงทั้งที่ไม่สามารถเซ้งหรือซื้อขายได้ เป็นการผ่อนผันให้ใช้พื้นที่เท่านั้น จนเทศบาลนครเชียงใหม่ต้องแจ้งความดำเนินคดีพ่อค้าแม่ค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งไปแล้ว 54 ราย
แต่หลังจากเลิกการประชุม กลุ่มผู้ค้านับ 100 คนได้มายืนจับกลุ่มบริเวณหน้าห้องประชุมวิพากษ์วิจารณ์ และโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเนื่องจากมีความคิดเห็นแตกต่างกัน โดยฝ่ายที่ถูกตัดสิทธิ์ให้ลดแผงจำหน่ายสินค้าลงแสดงความไม่พอใจ ไปชี้หน้าต่อว่าอีกฝ่ายที่เห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อกำหนดของเทศบาลฯ จนเกิดการโต้เถียงกันไปมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันถึงขั้นเกือบจะวางมวย หรือลงไม้ลงมือกัน เจ้าหน้าที่ทหารต้องเข้าห้ามปราม และให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันเพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลาย สุดท้ายต่างคนต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อเทศบาลนครเชียงใหม่ต่อไป
