พบทารกเพศหญิงวัย 2 เดือนพิการปากแหว่งแต่กำเนิด ซ้ำร้ายนิ้วมือนิ้วเท้ายึดติดกันเป็นพังผืด

กาญจนบุรี - พบทารกเพศหญิงวัย 2 เดือนเศษ ชาวกาญจนบุรี พิการเป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่แต่กำเนิด ซ้ำร้ายนิ้วมือนิ้วเท้ายึดติดกันเป็นพังผืด ส่วนขาทั้ง 2 ข้างหนังหุ้มติดกันคล้ายนั่งขัดสมาธิ ส่วนพ่อกับแม่พิการทางสมองทั้งคู่ ย่าวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ ส่วนผู้อำนวยการ รพ.บ่อพลอย เผยไม่เคยพบมาก่อน คาดเป็นรายแรกของไทย เร่งรายงาน สสจ.กาญจน์ เข้าโครงการ พอ.สว.ผ่าตัดรักษาฟรี


เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ ป่วยเป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ มือเท้าพิการ และมีความพิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด มารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลบ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี จึงประสาน นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เพื่อขอตรวจสอบข้อเท็จจริง

ไปถึงพบ ด.ญ.เจิมขวัญ หรือน้องขวัญ กระทุ่มนัด อายุ 2 เดือนเศษ อยู่บ้านเลขที่ 51/9 หมู่ 4 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยในของโรงพยาบาล โดยมี นายสถิต กระทุ่มนัด และนางพิมพ์ ใจดี ปู่และย่า พร้อมบรรดาญาติ รวมทั้งคณะพยาบาลคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนนายสุรชัย กระทุ่มนัด อายุ 30 ปี และนางอารีย์ นวมพันธ์ อายุ 18 ปี พ่อกับแม่ที่มีอาการทางสมองอยู่ด้านนอก

นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เปิดเผยว่า กรณีของ น้องเจิมขวัญ หรือน้องขวัญ เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก เท่าที่พบส่วนใหญ่จะมีลักษณะผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่พบอยู่ประจำคือ ภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ แต่โอกาสที่จะพบปากแหว่ง เพดานโหว่ ร่วมกับนิ้วมือนิ้วเท้ายึดติดกันเจอได้น้อยมาก เท่าที่เคยดูแลรักษาเด็กทารกแรกเกิดถือว่าไม่เคยเจอมาก่อนด้วยซ้ำไป กรณีของน้องเจิมขวัญ อยู่ระหว่างการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยภาวะผิดปกติที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข จะต้องรอให้น้องเจิมขวัญมีอายุตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป จึงจะเริ่มผ่าตัดความผิดปกติปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ในส่วนของมือเท้าที่ยึดติดกันคงจะต้องค่อยๆ ใช้ระยะเวลาให้เด็กโตขึ้นกว่านี้

ส่วนกรณีที่น้องเจิมขวัญ มีพังผืดที่นิ้วมือนิ้วเท้าทั้ง 4 ข้างยึดติดกัน รวมทั้งบริเวณขาท่อนล่างมีผิวหนังยึดติดกับต้นขาทั้งสองข้างลักษณะคล้ายกับนั่งขัดสมาธิ ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ที่เคยเจอบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่มารดาใช้ยา ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาความเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อทารกคลอดออกมาก็มีโอกาสผิดปกติได้มาก

ดังนั้น จึงอยากฝากไปถึงหญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะปัจจุบันพบว่า ประเทศไทยมักจะมีการตั้งครรภ์และมีลูกค่อนข้างเร็ว โดยปกติภาวะวัยเจริญพันธุ์ที่ทางการแพทย์เห็นว่ามีความพร้อมที่จะตั้งครรภ์ และสามารถมีบุตรได้ก็ควรจะมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และหญิงวัยเจริญพันธุ์เมื่อรู้ว่าเริ่มตั้งครรภ์ก็ขอให้รีบมาพบหมอเพื่อฝากท้องให้เร็วที่สุด เพระเมื่อเรารู้ว่าตั้งครรภ์แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็จะคอยแนะนำให้ความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำไปปฏิบัติ ตลอดจนตรวจวินิจฉัยภาวะสิ่งต่างๆ ที่จะมีโอกาสเกิดขึ้นต่อทารกในท้อง เมื่อผู้ปกครองรู้ และทำตามคำแนะนำของหมอ จะทำให้ความเสี่ยงของทารกที่คลอดออกมาน้อยลง ดังนั้น หากใครรู้ว่าเริ่มตั้งครรภ์ให้รีบเดินทางมาฝากครรภ์โดยเร็ว

สำหรับกรณีของน้องเจิมขวัญ ที่เกิดมาพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ และพิการทางตา รวมทั้งมีพังผืดตามที่ปรากฏ ทราบว่า พ่อกับแม่ของน้องเจิมขวัญ มีอาการพิการทางด้านสมองทั้งคู่ ซึ่งปัจจัยภาวะทางพันธุกรรมดังกล่าวก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทุกภาวะ มีเพียงบางภาวะเท่านั้นที่จะส่งผลกระทบต่อทารก โดยทางโรงพยาบาลยังไม่ได้พบกับพ่อแม่ของเด็ก ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับ ด.ญ.เจิมขวัญ ได้เข้ามารักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการเท้าข้างขวาบวม มีไข้ ไอแห้งๆ ไอบ่อยไม่หอบ เวลาให้นมมีการสำรอก ต้องให้นมทางสายยาง ขณะนี้อาการของน้องเจิมขวัญ เริ่มดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าภายใน 1 ถึง 2 วันก็คงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนในวันที่ 23 ก.ย.จะต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลพหลฯ ตามที่หมอนัด

แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบพบว่า ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลพหลฯ ได้ตรวจสอบอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด และลำไส้ ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะมีก็แต่ความผิดปกติภายนอกตามที่เห็น ซึ่งความผิดปกติภายนอกที่น่าเป็นห่วงนั้นเป็นเรื่องของปากแหว่ง เพดานโหว่ ขั้นตอนนี้ ทางทีมแพทย์อยู่ระหว่างคอยดูแลให้การรักษาอยู่ แต่จะต้องรอให้มีอายุที่อยู่ในวัยที่สามารถผ่าตัดได้ เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งหลังจากผ่าตัดความผิดปกติของอวัยวะภายนอกแล้ว ในเรื่องความเจริญเติบโตของน้องเจิมขวัญ ก็จะเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป

ปัจจุบัน น้องเจิมขวัญ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการตามกฎหมาย จึงได้สิทธิในการรักษาของผู้พิการตามกฎหมาย รวมทั้งได้สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งขาติ ดังนั้น น้องเจิมขวัญ จึงได้สิทธิในการรักษา และผ่าตัดฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และในเบื้องต้น ได้รับการประสานจากสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ให้เร่งทำประวัติของน้องเจิมขวัญ ให้ทราบโดยด่วน ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี จะได้เอาข้อมูลของน้องเจิมขวัญ เข้าไปอยู่ในโครงการ พอ.สว.ซึ่งจะทำให้กระบวนการผ่าตัดรักษาและกระบวรการติดตามดูแลอาการของน้องเจิมขวัญ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายที่ทางครอบครัวจะต้องรับผิดชอบก็คือ ค่าเดินทางไปรักษาเท่านั้น

ด้าน นางพิมพ์ ใจดี ย่าของ ด.ญ.เจิมขวัญ กล่าวว่า ลูกชาย และลูกสะใภ้มีอาการทางสมองมาตั้งแต่เด็ก ขณะที่ไปฝากท้องกับหมอที่ รพ.พหลฯ ทางแพทย์ และพยาบาลก็ได้แจ้งให้ครอบครัวทราบแล้วว่า หลานจะเกิดมาพิการ และได้สอบถามความสมัครใจของพ่อกับแม่เด็กรวมทั้งครอบครัวแล้วว่าต้องการให้ทารกคลอดออกมาหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ขอให้เด็กคลอดออกมา แต่เมื่อคลอดออกมาทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นสภาพของหลาน แต่จะต้องเลี้ยงเขาให้เจริญเติบโตต่อไป

รายงานข่าวว่า พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางไปที่ รพ.บ่อพลอย เพื่อสอบถามประวัติของ ด.ญ.เจิมขวัญ เพื่อจะได้รายงานให้จังหวัดกาญจนบุรีทราบ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน 2,000 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการโอนเงินให้ความช่วยเหลือสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบ่อพลอย บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก หมายเลขบัญชี 020148272238 ชื่อบัญชี นางกุหลาบ ใจดี และนายสถิต กระทุ่มนัด