จันทบุรี - กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน 4 ตำบลในจันทบุรี ได้รวมตัวมายื่นหนังสือผ่านอดีต ส.ส.จันทบุรี และนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองบัว ไปสู่มือผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี หลัง คสช.มีการยกเลิกเครื่องมือประมงโพงพาง หรือหลักรอ ทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้รับความเดือดร้อนขาดรายได้
วันนี้ (24 ส.ค.) นายเสรี แก้วศรี ชาวบ้านผู้ประกอบการประมงพื้นบ้าน นำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 4 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลหนองบัว ตำบลเกาะตะเคียน ตำบลบางสระเก้า และตำบลแหลมสิงห์ กว่า 100 คนได้รวมตัวมายื่นหนังสือให้แก่ นายประวัตร อุตตาโมด อดีต ส.ส.จันทบุรี และนายจิรชัย เขาหนองบัว นายกเทศมนตรีตำบลหนองบัว เพื่อเป็นตัวแทนของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 4 ตำบล นำหนังสือไปมอบให้แก่ นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ผ่านไปยัง คสช.เพื่อขอความเป็นธรรม
หลังกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 4 ตำบลเดือดร้อนจากการที่ คสช.ได้มีการยกเลิกเครื่องมือประมงโพงพาง หรือหลักรอที่ชาวบ้านเรียกกัน ทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 4 ตำบล หลายหลังคาเรือนที่ได้ยึดอาชีพนี้มาเป็นร้อยปี สืบทอดมาจากบรรพบุรุษได้รับความเดือดร้อนจากการถูกสั่งระงับของทางราชการมิให้ออกจับสัตว์น้ำ
การระงับทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านที่ประกอบอาชีพประมง ตกงาน ขาดรายได้ในการดำรงชีวิตและหาเลี้ยงครอบครัว ขาดวัตถุดิบในการทำผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านจำหน่าย ทั้งอาหารสด และอาหารแห้ง เช่น กุ้งแห้ง กะปิ น้ำปลา และขาดนักท่องเที่ยวที่มาจับจับจ่ายอาหารทะเลสด และแห้ง ทำให้สูญเสียรายได้เป็นอย่างมาก กลุ่มประมงพื้นบ้านจึงอยากให้ทาง คสช.มีมาตรการผ่อนผัน หรือยกเว้นให้กับการทำประมงพื้นบ้าน เพื่อชุมชนที่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี และส่งเสริมอาชีพรายได้ ลดรายจ่ายชุมชน และครัวเรือนต่อไป
ด้าน นายสุวรรณ เทพประเสริฐ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 9 ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ชาวประมงพื้นบ้านกล่าวว่า ตอนนี้ชาวประมงพื้นบ้านใน 4 ตำบล เดือดร้อนมากเพราะปัจจุบันไม่สามารถที่จะออกทำกินได้ เพราะกฎหมายฉบับนี้ออกมาเหมือนให้ชาวประมงพื้นบ้านเป็นโจร เพราะชาวประมงที่จังหวัดจันทบุรี เป็นกลุ่มชาวประมงในระดับรากหญ้าที่หากินอยู่ในคลอง และอ่าวในอำเภอแหลมสิงห์ ไม่สามารถที่จะออกทำกินได้เลย
“ส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนจะเป็นประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก หากินใกล้ชายฝั่ง คือ อยากให้หน่วยงานของรัฐ และรัฐบาลช่วยผ่อนผันให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถที่จะออกทำกินได้ เพราะไม่มีอาชีพอื่นเข้ามารองรับ”