ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “กองทัพภาค 2” สั่งหน่วยทหารในอีสานคุมเข้มทุกพื้นที่ ทั้งสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ และแหล่งท่องเที่ยว กำชับด่านตรวจความมั่นคง 22 แห่งเส้นทางหลักทั่วอีสานเพิ่มมาตรการตรวจเข้มขั้นสูงสุด เน้นอาวุธวัตถุระเบิด เผยยังไม่พบความผิดปกติ สั่งหน่วยทหารเข้าดูแลช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย ชี้ชาวอีสานยังใช้ชีวิตปกติไม่ตื่นตระหนก เฝ้าติดตามข่าวใกล้ชิด
วันนี้ (19 ส.ค.) พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บจำนวนมาก และเกิดระเบิดซ้ำอีกเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณท่าเรือสาทร กรุงเทพฯ นั้น กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) โดย พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้สั่งการให้หน่วยทหารทุกหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ หน่วยที่ตั้งทหาร บ้านพักบุคคลสำคัญ รวมถึงสถานที่แหล่งท่องเที่ยว และติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
พร้อมกำชับให้ด่านความมั่นคงที่มีการสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน ทั้ง 22 ด่านในเส้นทางสายหลักทั่วภาคอีสานให้เพิ่มมาตรการตรวจเข้มขั้นสูงสุด เน้นการตรวจวัตถุระเบิด อาวุธอื่นๆ ที่อาจนำไปใช้ก่อเหตุได้
ทั้งนี้ ให้ใช้กำลังในพื้นที่เป็นหลัก หากไม่เพียงพอสามารถร้องขอมายังกองทัพภาคที่ 2 ได้ โดยให้มีการประสานงานกับตำรวจและฝ่ายปกครองในท้องที่เพื่อสนธิกำลังในการเพิ่มมาตรการตรวจตราสถานที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวที่มีประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมาก
“อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ในพื้นที่ภาคอีสานยังไม่มีรายงานว่ามีสิ่งบอกเหตุใดๆ ที่จะนำไปสู่การก่อความไม่สงบขึ้น หรือมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในกรุงเทพฯ ทุกอย่างยังเป็นปกติดี” พล.ต.ประวิทย์กล่าว
สำหรับประชาชนชาวอีสานยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ส่วนใหญ่เฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ผ่านสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย ขณะที่กลุ่มการเมืองเก่ายังไม่พบการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
"ส่วนญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้าไปติดต่อญาติและดูแลช่วยเหลืออำนวยความสะดวกพร้อมรายงานให้ทราบตลอด" พล.ต.ประวิทย์กล่าวในตอนท้าย