กาญจนบุรี - ผบก.กาญจนบุรี สั่งตำรวจทุกท้องที่บูรณาการร่วมทหาร ตม. และ ตร.ท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง ตรวจสัมภาระบุคคลต้องสงสัยก่อเหตุอาชญากรรม พร้อมประสานผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยว หากพบกระเป๋า หรือสิ่งต้องสงสัยรีบแจ้งตำรวจทันที ด้านนายกท่องเที่ยวกาญจนบุรี เผยการท่องเที่ยวในพื้นที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุบึ้มราชประสงค์ จี้ภาครัฐควรเร่งแก้ไขสถานการณ์ และเหตุอาชญากรรม เรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา แรงระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ทันที จากนั้นก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งมายังตน
จากนั้นจึงถ่ายทอดคำสั่งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ใน จ.กาญจนบุรี โดยมอบหน้าที่ให้แก่ พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ที่รับผิดชอบงานป้องกันละปราบปรามเกี่ยวกับการก่อเหตุอาชญากรรม ซึ่งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยการเข้มงวดตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยบูรณาการร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ออกลาดตระเวน โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเท้า เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตรวจตราในพื้นที่สำคัญๆ เช่น บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานบริการบันเทิง
ส่วนในช่วงเวลากลางวัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบชุดนอกเครื่องแบบทุกท้องที่ออกตรวจสอบตามแหล่งท่องเที่ยว และหากพบบุคคลต้องสงสัยลักษณะสะพายเป้ก็ขอให้ตรวจสอบหาวัตถุต้องสงสัยไปด้วย แต่จะต้องขออนุญาตทุกครั้งเพื่อให้ผู้ที่ถูกตรวจสอบเกิดความสบายใจ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่สันติบาล เพื่อหาข่าวในเชิงลึก เพื่อตรวจสอบกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อาจจะเป็นกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุแล้วลักลอบเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด และจะต้องใช้ไหวพริบของตัวเองด้วย และให้รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ให้ตนทราบทุกระยะ
ส่วนการป้องการตามแนวชายแดน เรามีจุดตรวจร่วมอยู่ทั้งหมด 5 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ตชด. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ ตม. ซึ่งที่ผ่านมา ผลการปฏิบัติก็ดีอยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้ก็ขอให้เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมเป็น 2 เท่า โดยให้ค้นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยทุกคัน ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาจจะมีปัญหาบาดหมางกัน ซึ่งตนก็ได้ข้อมูลลับจากผู้บังคับบัญชาแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้ข้อมูลมาอย่างเคร่งครัด เพราะบุคคลกลุ่มดังกล่าวอาจจะใช้เส้นทางจังหวัดกาญจนบุรีเป็นทางผ่านเพื่อหลบหนีก็เป็นได้
นอกจากนี้ ยังไปประสานไปยังผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต และสถานบันเทิง หากพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย หรือพบกระเปา หรือกล่อง หรือถุง วาง หรือซุกซ่อนเอาไว้อย่างผิดสังเกต ก็ขอให้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที เพื่อจะได้ประสานหน่วยอีโอดี ของตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพระพุทธยอดฟ้าเพื่อให้มาตรวจสอบ
**นายกท่องเที่ยวกาญจน์จี้เร่งแก้ไขสถานการณ์
ด้าน นายวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวกาญจนบุรี เปิดเผยว่า บริเวณที่เกิดเหตุเป็นแหล่งที่มีประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่เหตุการณ์ภายในบ้านเมืองของเราตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมายังไม่ปกติ ก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ดังนั้น เหตุระเบิดในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง จึงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะส่งผลกระทบยาวนานแค่ไหน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโปรแกรมทัวร์เข้ามาในพื้นที่ เบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีการยกเลิกแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมากถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป ส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะมีจำนวนน้อยมาก และถึงแม้ประเทศไทยจะมีศักยภาพเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว แต่ประเทศอื่นๆ ก็มีศักยภาพเช่นกัน ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา
ดังนั้น เรื่องของความปลอดภัยจากการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจเดินทางเข้ามา แต่หากขาดความเชื่อมั่น นักท่องเที่ยวเหล่านั้นก็จะหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และจะปรับเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านแทน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม
แต่อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงรัฐบาลให้เร่งทำความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงความปลอดภัยให้เร็วที่สุด และขอให้ติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะขาดความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัย และหันไปเที่ยวที่ประเทศอื่นเสียก่อน