ฉะเชิงเทรา - ชาวประมงพื้นบ้านสองคลอง อดีตหมู่บ้านผลิตกะปิรางวัลห้าดาวชื่อดังระดับประเทศ ยังคงนั่งจับเจ่าอย่างสิ้นหวัง หมดสิ้นหนทางทำกินแบบคนไร้อาชีพ เหตุจากมาตรการเส้นตายในการปราบปรามเครื่องมือประมงผิดกฎหมายตามประกาศ คสช.ขั้นเด็ดขาดวันพรุ่งนี้
วันนี้ (12 ส.ค.) ที่หมู่บ้านคลองเจริญวัย ม.2 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวประมงพื้นบ้านผู้ประกอบอาชีพลงอวนรอจับเคยตามกระแสน้ำ เพื่อนำมาผลิตทำกะปิขาย ซึ่งต้องใช้อวนมุ้งตาถี่ ยังคงพากันกับกลุ่มนั่งจับเจ่า ตัดพ้อต่อมาตรการขั้นเด็ดขาดของทางรัฐบาล และ คสช.ที่มีกำหนดบังคับใช้กฎหมายปราบปรามขั้นเด็ดขาดต่อเครื่องมือประมงจับสัตว์น้ำ โดยที่ไม่ได้ลงรายละเอียดในการแยกประเภทของการทำกิน หรือจับสัตว์น้ำในแต่ละชนิด ซึ่งจะมีผลแล้วในวันพรุ่งนี้(13 ส.ค.)
นายสมนึก นวลจันทร์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.2 ต.สองคลอง ระบุว่า การเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายห้ามชาวบ้านทำกินอย่างเด็ดขาดแบบนี้เหมือนเป็นการบังคับไม่ให้ชาวบ้านต้องทำกินอะไรเลย หรือจะให้ชาวบ้านนั่งกันอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร และเรียกร้องรอเพียงความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ทั้งที่ชาวบ้านคลองเจริญวันนี้ไม่เคยไปเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลมาก่อนเลย เพราะทุกคนอดทนทำกินกันด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ทั้งปัญหาน้ำทะเลหนุนท่วม พายุคลื่นลมแรงพัดบ้านพัง หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสาธารณภัย และอาชีพทำกินเหมือนเกษตรกรประเภทอื่นๆ
“สำหรับมาตรการที่ออกมาบังคับใช้โดยที่ไม่ได้มีการเตรียมอาชีพอะไรมาไว้รองรับแบบนี้ เสมือนจะบังคับให้ชาวบ้านอดตาย หรือถูกปล่อยให้ตาย หรือหากทางรัฐบาลจะรับเลี้ยง โดยจะรับเลี้ยงก็ขอให้จ่ายเงินเดือนมาเพื่อให้อยู่กันได้สักคนละ 9 พันต่อเดือน เพราะชาวบ้านทุกคนล้วนมีภาระค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าส่งลูกเรียน”
นายสมนึก กล่าวว่า ต้องการให้ทางรัฐบาลช่วยผ่อนผันให้ชาวบ้านได้ใช้เครื่องมือจับเคยได้เหมือนในอดีต เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานอาชีพนี้ก็คงจะหมดไปเองจากหมู่บ้าน แค่ช่วงอายุของกลุ่มคนเพียง 10-20 ปีเท่านั้น คือ คนรุ่นเก่าในวัยของพวกตนลงไปถึงคนวัย 40-50 เท่านั้น เพราะเด็กรุ่นใหม่ในสมัยนี้ไม่มีใครสนใจที่จะมาประกอบอาชีพหากินกับทะเลเหล่านี้แล้ว เพราะพากันไปอยู่ตามโรงงานกันหมด
ขณะที่ นายชาตรี แก่นเจริญ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.สองคลอง กล่าวว่า ที่ประชุมชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชาวประมงในเขต อ.บางปะกง ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้มีการลงพื้นที่มาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนก็ได้มีความพยายามที่จะเสนอทางออกไปยังเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับเลยสักอย่าง แล้วอย่างนี้จะให้ชาวบ้านทำกินกันอย่างไร