ฉะเชิงเทรา - นักแสวงบุญผู้มาเยือนวัดดังเมืองแปดริ้วจากต่างถิ่น สุดเอือมพฤติกรรมแก๊งเหลือบโบกรถในวัดโสธร หลังเหยื่อหลายรายติดกับดักถูกบังคับขายดอกไม้รูปเทียนเครื่องบูชาในการแสวงบุญ พร้อมของฝากในราคาสูงลิบลิ่ว เผยที่ผ่านมา เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายรายแล้วแต่ยังไร้ทางแก้
วันนี้ (9 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งข้อมูลจากนักท่องเที่ยว และผู้แสวงบุญที่ตั้งใจเดินทางมาทำบุญกราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หลวงพ่อพระพุทธโสธร ที่บริเวณวัดโสธรวราราม วรวิหารว่า ได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากบรรดากลุ่มชายฉกรรจ์ “แก๊งโบกรถ” ที่เรียกพาไปจอดในจุดที่จอดรถที่ไม่ใช่สถานที่ของทางวัดจัดให้ และได้ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากมาอย่างยาวนาน
โดยกลุ่มคนเหล่านี้มีประมาณ 20-30 คน กระจายอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่างๆ โดยรอบวัด เริ่มตั้งแต่บริเวณปากทางเข้าตลาดสดชุมชนวัดโสธร ซึ่งอยู่บริเวณทางโค้งทางด้านทิศตะวันออกของตัววัด ซึ่งจุดนี้จะมีกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคน มาคอยยืนเรียกโบกรถยนต์ที่กำลังวิ่งผ่านไปมาใช้เข้าจอด ยังในพื้นที่ริมถนนด้านหน้าตลาดสด ซึ่งเป็นจุดผ่อนผันให้จอดรถได้ของทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา แต่ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้กลับเข้าทำการยึดครองใช้เป็นสถานที่ในการเรียกจอดรถ
โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้เมื่อมีเหยื่อ หรือนักท่องเที่ยวหลงขับรถเข้าไปจอดตามการโบกเรียกนำเข้าจอด ก็จะถูกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ทำทีพาเข้าไปหาซื้อดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ ตลอดจนเครื่องทำทานแสวงบุญต่างๆ มากมายในราคาที่สูง แพงเกินจริงเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหลายรายนั้นจะต้องสูญเสียเงินไปกับสิ่งต่างๆ ที่กลุ่มคนเหล่านี้มานำเสนอยัดเยียดขายให้รวมมูลค่าหลายร้อยบาทไปจนถึงเกือบหนึ่งพันบาท
โดยหากเหยื่อปฏิเสธที่จะเดินตามไปซื้อเครื่องบูชาพระ และทำบุญตามที่คนกลุ่มนี้จะนำพาไปซื้อนั้น ก็จะแสดงความไม่พอใจ และจะแอบทำลายทรัพย์สินโดยเฉพาะการใช้เหรียญบาทลูบ หรือขูดสีรถทั้งที่บริเวณที่จอดรถนั้นเป็นจุดจอดรถริมทางสาธารณะ
จุดต่อมาบริเวณด้านหน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้น ด้านฝั่งตรงข้ามพระอุโบสถหลังใหญ่นั้นจะมีทั้งชายฉกรรจ์ และหญิงประมาณเกือบ 10 คน คอยยืนเรียกโบกรถให้ไปจอดยังบริเวณด้านข้างของตัวอาคารจอดรถ 5 ชั้น ต่อเนื่องไปจนถึงยังบริเวณด้านหลังอาคารจอดรถ ทั้งที่รถของผู้แสวงบุญที่เดินทางมาถึงบริเวณทางขึ้นอาคารจอดรถของวัดแล้ว
กลับถูกกลุ่มคนเหล่านี้คอยกันไม่ให้ขึ้นไปบนอาคารจอดรถ 5 ชั้น และโบกเรียกให้ขับรถไปจอดยังบริเวณพื้นที่ของกลุ่มตนที่ยึดครองทำกินอยู่ ทั้งที่เป็นสถานที่ของทางวัด พร้อมกับอ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่า หากจอดรถบนอาคารจะไม่ปลอดภัยถูกขโมยทรัพย์สิน หรือจะถูกทุบกระจกรถบ้าง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และพฤติกรรมที่แสดงออกต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะเป็นไปในลักษณะทำนองเดียวกันกับกลุ่มแรก
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มโบกรถอีกหนึ่งกลุ่มซึ่งเป็นแม่ค้ารถเข็นขายของฝาก และขนมจาก ที่บริเวณลานจอดรถบัสด้านหน้าโรงลิเกฝั่งตรงข้ามเยื้องพระอุโบสถหลังใหญ่ ซึ่งมีประมาณ 3-4 ราย แต่พฤติกรรมของกลุ่มนี้จะไม่รบกวนประชนชนที่เดินทางมาแสวงบุญจากต่างพื้นที่รุนแรงมากนัก
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยข้อมูลการร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ที่ผ่านมาได้มีประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้แสวงบุญได้ร้องเรียนผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังไม่พบว่ามีประชาชนได้เดินทางเข้ามายื่นข้อร้องเรียนเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
จากความเดือดร้อนรำคาญของประชนชนที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวได้เคยพยายามขอเข้าพบ นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และนายไพศาล วิมลรัตน์ รองผู้ว่าราขการจังหวัดฉะเชิงเทรา ตลอดจน นายกิตติพันธุ์ โรจนชีวะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อจะสอบถามถึงมาตรการในการแก้ไขปัญหาจากข้อร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนรำคาญดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด เมื่อวันพุธที่ 5 ส.ค.58 ที่ผ่านมา แต่กลับได้รับการปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ หรือมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด