ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติเชิญชวนชาวไทยร่วมชมปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์” หลังเที่ยงคืนวันที่ 12 ส.ค. 58 ถึงรุ่งเช้า 13 ส.ค. 58 สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหากท้องฟ้าโปร่ง คาดตกเฉลี่ยมากที่สุดถึง 100 ดวงต่อชั่วโมง
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยว่า ในคืนวันที่ 12 ส.ค. 58 ซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติ จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 13 ส.ค. 58 ตามเวลาในประเทศไทย จะเกิดปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์” สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จุดศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวเพอร์เซอุส (Perseus) ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างเป็นอันดับสองรองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ มีสีสันสวยงาม สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงระหว่างวันที่ 17 ก.ค.-24 ส.ค. ของทุกปี
โดยปีนี้ในช่วงประมาณวันที่ 12-13 ส.ค. 58 จะเป็นช่วงที่เกิดฝนดาวตกมากที่สุด อาจมีจำนวนดาวตกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง สำหรับปีนี้ช่วงเวลาที่มีอัตราการตกมากที่สุดของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์คือเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 13 ส.ค. 58 ซึ่งเป็นเวลากลางวันในประเทศไทย แต่สำหรับช่วงเวลากลางคืนก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้แต่อัตราการตกอาจไม่มากนัก ผู้ที่สนใจก็ยังสามารถติดตามชมความสวยงามของปรากฏการณ์ฝนดาวตกได้ในคืนดังกล่าว
นายศุภฤกษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศแถบซีกโลกเหนือ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในเดือนสิงหาคมประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้สภาพท้องฟ้าไม่เอื้ออำนวยต่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ แต่สำหรับในบางพื้นที่ที่ไม่มีฝนตกก็จะสามารถชื่นชมความสวยงามของฝนดาวตกครั้งนี้ได้ด้วยตาเปล่า
ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสังเกตฝนดาวตกคือตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป เนื่องจากเป็นเวลาที่ซีกโลกของเราหันเข้าหาทิศทางที่ดาวตกพุ่งเข้ามาแบบตรงๆ ในขณะที่เวลาหัวค่ำจนถึงก่อนเที่ยงคืนเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งสวนทางการหมุนรอบตัวเองของโลก เราจะเห็นดาวตกมีความเร็วสูง ทำให้สังเกตได้ยาก แต่หลังเที่ยงคืนไปจนถึงเวลาใกล้รุ่งจะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งตามทิศทางการหมุนของโลก เราจึงเห็นดาวตกวิ่งในอัตราเร็วที่ช้ากว่าจนมีเวลาที่สามารถชี้ชวนกันดูได้ และมองเห็นความสวยงามของดาวตกได้ชัดเจนขึ้น
สำหรับฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) เหลือทิ้งไว้ในวงโคจรเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อโลกโคจรผ่านเข้าไปบริเวณที่มีเศษฝุ่นเหล่านี้จะดึงดูดเศษฝุ่นเหล่านี้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ สังเกตเห็นฝุ่นของดาวหางลุกไหม้เป็นแสงสว่างวาบ และถึงแม้ว่าเศษฝุ่นของดาวหาง 109P/Swift-Tuttle จะถูกทิ้งไว้เป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านี้ก็ยังทำให้ชาวโลกได้สัมผัสความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์นี้เป็นประจำทุกปี