เชียงใหม่ - พบพ่ออุ้ย-แม่อุ้ยชาวสวนลำไยสารภีฟิตปั๋งไม่แพ้คนหนุ่มคนสาว ปีนบันไดไม้ไผ่ตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน หิ้วตะกร้าใบใหญ่เก็บลำไยเองไม่มีจ้าง ขณะที่เมียช่วยเก็บ แถมปั่นจักรยานเอาข้าวปลาอาหารไปให้น้อง-หลานทุกวัน บอกทำมากว่าครึ่งทศวรรษแล้ว ไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อ เชื่อกินน้ำพริก ปลาต้ม พืชผัก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทำร่างกายแข็งแรง
วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในฤดูลำไย พืชเศรษฐกิจสำคัญของเชียงใหม่-ลำพูน เกษตรกรชาวสวนลำไย รวมถึงพ่อค้าลำไยทั้งไทย-จีน ที่ตระเวนซื้อลำไย ส่วนใหญ่ต้องจ้างแรงงานขึ้นเก็บลำไย ทั้งแบบเหมาสวน จ้างรายวัน ค่าแรงไม่ต่ำกว่าวันละ 300 บาท/คน แต่พ่อเฒ่า หรือพ่ออุ้ยอินทร เจริญ อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 บ้านช่างเคิ่ง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นอกจากจะไม่จ้างคนเก็บลำไยในสวนตนเองแล้ว ยังไปช่วยญาติพี่น้องเก็บลำไยได้อีกด้วย
โดยแต่ละวันพ่ออุ้ยอินทรจะนำตะกร้าพลาสติกใบใหญ่ ปีนบันไดภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่เป็นแกนกลาง เจาะช่องแล้วใช้ไม้สอดเป็นขั้น สูงไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ขึ้นไปเก็บลำไย พอได้ลำไยเต็มตะกร้าก็จะใช้เชือกหย่อนลงพื้นให้คนเก็บออก แล้วดึงตะกร้าขึ้นไปใหม่ หรือถ้าลำไยหมดต้นแล้วก็จะยกบันไดย้ายไปต้นใหม่
ในการขึ้นลงบันไดไม้ไผ่ลำเดียวสูงกว่า 10 เมตรนั้น พบว่าพ่ออุ้ยอินทรขึ้นลงได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้คนวัยหนุ่ม วัยสาว
พ่ออุ้ยอินทรเปิดเผยว่า สวนลำไยที่มาเก็บนี้เป็นของตนเอง มีประมาณ 2 ไร่เศษ แต่ของญาติพี่น้องที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในมีอีกประมาณ 5 ไร่ ซึ่งได้เข้าไปช่วยเก็บมาหมดแล้ว เหลือแต่ของตนที่กำลังเก็บอยู่ โดยตนเริ่มปีนเก็บลำไยมาตั้งแต่อายุ 25 ปี จนปัจจุบันปีนเก็บลำไยมากว่า 55 ปีแล้ว
“ตอนหนุ่มๆ พอหน้าลำไยก็จะไปรับจ้างนายทุนคนจีนเก็บลำไยทั่วพื้นที่ สมัยนั้นคิดค่าเก็บลำไยเหมาเป็นวัน 3 วัน 100 บาท ลำไยก็ซื้อกันกิโลกรัมละไม่ถึง 5 บาท ช่วงนั้นมีคนรับจ้างเก็บไม่เยอะ พอถึงหน้าลำไยงานไม่เคยขาดมือและสามารถเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย” นายอินทรกล่าว
แต่ระยะหลังมีคนปลูกลำไยในพื้นที่สวนพื้นที่นากันมากขึ้นจนเป็นผลไม้เศรษฐกิจของจังหวัด ทำให้มีแรงงานมารับเหมาเก็บลำไยกันแบบยกสวน ตนคนเดียวรับไม่ไหว จึงขึ้นเก็บเฉพาะสวนตัวเอง และญาติเท่านั้น
“ผมขึ้นลำไยมาทุกหน้าเก็บจนเคยชิน แม้อายุมากก็สามารถขึ้นเก็บได้ ที่มีร่างกายแข็งแรงอาจเพราะกินอาหารมีประโยชน์ครบทุกมื้อโดยเฉพาะน้ำพริก ปลาต้ม พืชผักผลไม้เป็นหลัก”
ด้านแม่อุ้ยศรีลา เจริญ อายุ 80 ปี ผู้เป็นภรรยา กล่าวเสริมว่า จะจ้างคนหนุ่มๆ มาทำแทนสามีก็ไม่ยอม ตนก็เป็นห่วง เพราะหูตาก็ร่วงโรยไปตามวัย ถึงจะมีร่างกายแข็งแรง สายตาก็มองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว ส่วนอาหารการกินนั้นก็ทำให้กินแบบปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นผักมากกว่าเนื้อสัตว์
“ตั้งแต่อยู่กินกันมาสามีไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลย อาจเป็นเพราะเขาไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ เลยทำให้ร่างกายแข็งแรง” นางศรีลากล่าว
นางสาวจิรัชยา เจริญ ลูกสาวคนเดียวของพ่ออุ้ยอินทร กล่าวว่า พ่อมีลูก 2 คน มีตนเองและพี่ชายอีกคน ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากอะไร ที่ผ่านมาก็ห่วง ไม่อยากให้พ่อต้องไปปีนป่ายต้นลำไยอีกเพราะอายุมากแล้ว ช่วงก่อนที่จะถึงฤดูเก็บลำไยของปีนี้ก็ได้บอกแล้วว่าห้ามปีน พ่อบอกว่าปีนี้จ้างเขาไว้แล้วไม่ต้องห่วง แต่แล้วก็ปีนขึ้นไปเก็บลำไยเองอีกจนได้
“พ่อเป็นคนแข็งแรงมาก แม้แต่บ้านที่อยู่ปัจจุบันซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นพ่อก็เป็นคนออกแบบ และสร้างเองกับมือเมื่อปี 2529 ที่ผ่านมา โดยไม่ได้จ้างผู้รับเหมาที่ไหนเลย มีเพียงพี่ชายเป็นลูกมือให้เท่านั้น ตอนที่ก่อสร้างพ่ออายุเกือบ 60 ปีแล้วเหมือนกัน”
ส่วนแม่ก็อายุไล่เลี่ยกับพ่อคือ 80 ปี แข็งแรงพอๆ กัน ทุกวันจะต้องขี่จักรยานไปส่งข้าวให้น้องชายของแม่กับหลานสาวที่อยู่ห่างกันไปกลับเกือบ 2 กิโลเมตร ซึ่งทั้งน้าชาย และลูกของน้าชายต่างก็บอกว่าไม่ต้องเอามาให้ ที่บ้านมี แต่แม่ก็ยังขี่จักรยานไปส่งให้เหมือนเดิม
“แม่รักน้องชายแกมาก แม้จะถูกห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ยังคงขี่จักรยานไปส่งกับข้าวให้ทุกวัน จนเมื่อเดือนที่ผ่านมาขี่จักรยานแล้วลื่นหกล้ม ทั้งคนทั้งรถกลิ้งไปด้วยกันแม่หัวโนต้องพาเข้าโรงพยาบาล หมอให้รอดูอาการ กลับไม่เป็นอะไรเลยฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น ยังไปช่วยพ่อเก็บลำไยเหมือนเดิม”