กฟภ.จ่ายไฟผ่านสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะกูด-เกาะหมาก จ.ตราดแล้ว

ตราด-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดจ่ายไฟผ่านสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะกูด และเกาะหมาก จ.ตราดแล้ว เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง

วันนี้ (4 ส.ค.) ที่บริเวณจุดลงสายเคเบิลใต้น้ำโรงเรียนบ้านตาหนึก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และนายณรงค์ ธีรจันทรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการจ่ายไฟผ่านสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 22 เควี ไปยังเกาะกูด และเกาะหมาก โดยมี นายธวัชชัย ร้อยศรี ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตราด และคณะผู้บริหารจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 ภาคกลาง จ.ชลบุรี ร่วมในพิธี

ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะกูด และเกาะหมากได้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่สูงขึ้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 22 เควี ไปยังเกาะกูด และเกาะหมาก เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำ

การดำเนินการในครั้งนี้โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำระบบ 22 เควี ขนาด 300 ตร.มม. ชนิด XLPE จำนวน 1 วงจร ระยะทาง 33 กิโลเมตร จากฝั่งอำเภอคลองใหญ่ บริเวณบ้านตาหนึกไปยังเกาะกูด ที่บริเวณอ่าวสลัด รองรับโหลดสูงสุด 13.9 เมกะวัตต์

ก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 22 เควี ขนาด 120 ตร.มม. ขนาด XLPE จำนวน 1 วงจร ระยะทาง 17 กิโลเมตร จากเกาะกูด บริเวณอ่าวสลัดไปยังเกาะหมาก บริเวณอ่าวนิด รองรับโหลดสูงสุด 8.8 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 และเริ่มจ่ายไฟให้ผู้ใช้ในพื้นที่เกาะกูด และเกาะหมาก ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2558

ทั้งนี้ ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยรามคำแห่ง จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นก่อนการก่อสร้าง และได้จัดทำมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งในระหว่างการก่อสร้าง และหลังการก่อสร้าง

สำหรับการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะกูด และเกาะหมาก เป็นการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ทั้งพื้นที่ในเมือง พื้นที่ชนบท พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวเพิ่มขีดความสามารถ และความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถจ่ายไฟให้ประชาชนบนเกาะได้อย่างเพียงพอ และมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาไฟฟ้าตกไฟดับ และลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

นายเสริมสกุล กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเล็งเห็นว่า การใช้ไฟฟ้าของเกาะกูด และเกาะหมากมีปริมาณสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 3.48% ต่อปี ในระยะอีก 30 ปีข้างหน้า โดยในปี 2586 จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าบนเกาะทั้ง 2 แห่ง มากถึง 15.13 เมกะวัตต์ และเพื่อให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าบนเกาะกูด และเกาะหมากมีความมั่นคง สามารถรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าบนพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ จึงได้มีมติจาก ครม.ให้ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะกูด และเกาะหมาก ซึ่งสามารถรองรับโหลดได้สูงสุดถึง 22 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างเพียงพอ