ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สาวปะกาเกอญอ ชาวแม่ฮ่องสอนท้อง 5 เดือน พร้อมลูกสาววัย 4 ขวบ เหยื่อกระสุนพ่อเมายาบ้าคลุ้มคลั่งยิงยกครัวก่อนฆ่าตัวตาย ยังไม่รู้อนาคต เผยล่าสุด แม้ผู้เป็นแม่ปลอดภัย กระสุนไม่โดนเด็กในครรภ์ แต่ลูกสาวยังต้องรักษาตัวใน รพ.ที่เชียงใหม่ แถมเสี่ยงอัมพาตทั้งชีวิต เหตุกระสุนเจาะช่องท้อง ศีรษะด้านหลัง และกระดูกไขสันหลัง
วันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์เศร้าสลดที่เป็นผลมาจากการตกเป็นทาสยาบ้ารายนี้ เกิดขึ้นในหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงปะกาเกอญอ บนดอยสูงบ้านกิ่วขมิ้น หมู่ 11 ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อผู้เป็นพ่อที่เมายาบ้าก่อเหตุยิงลูกเมียที่กำลังท้องได้ 5 เดือน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา
โดย ร.ต.ท.มงคล ดำสนิท พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน รับแจ้งเหตุในสายวันรุ่งขึ้น (30 มิ.ย.)จึ งพร้อมด้วยนายศราวุธ ไทยเจิรญ นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ตำรวจวิทยาการ แพทย์เวร รพ.ศรีสังวาล และเจ้าหน้าทีมูลนิธิบรรเทาสาธารณภัย จ.แม่ฮ่องสอน เดินทางไปสอบสวน ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางอย่างทุลักทุเลร่วม 3 ชั่วโมง จึงถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ
พบบริเวณด้านหลังบ้านเลขที่ 32/3 เป็นป่าทึบลงไปยังก้นเหว ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 400 เมตร มีศพชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทาแขนสั้น ทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สภาพศพถูกยิงเข้าบริเวณหน้าอก 1 นัด แพทย์สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง และทราบชื่อผู้ตายต่อมา คือ นายชายบุญรับ ประวินไพร อายุ 32 ปี ข้างศพพบปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ ยังทราบว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แต่อาการสาหัส จึงนำตัวส่งต่อไปยัง รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ อีก 2 ราย คือ นางธิดารัตน์ ประวินไพร อายุ 21 ปี กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนแก๊ปเข้าที่บริเวณแผ่นหลัง และ ด.ญ.รัตน์สุดา ประวินไพร อายุ 4 ขวบ ถูกยิงที่ด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าบริเวณท้ายทอย เอว รักแร้ซ้าย ต้นขาขวา อาการสาหัสทั้งคู่
นายสุพจน์ คีรีอิ่มสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านกิ่วขมิ้น หมู่ 11 ต.ห้วยปูลิง จ.แม่ฮ่องสอน ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 29 มิ.ย.58 ขณะที่อยู่บ้าน นายชายบุญรับ มีอาการเบลอเหม่อลอย ตาขวาง ลักษณะคล้ายเมายาบ้า เมื่อนางธิดารัตน์ เห็นอาการสามีผิดปกติ จึงพยายามเก็บมีด และของมีคมต่างๆ ภายในบ้านไปซุกซ่อนไว้เ พราะเกรงว่าสามีอาจเกิดคลุ้มคลั่งนำมาเป็นอาวุธทำร้ายได้
ต่อมา นายชายบุญรับ เกิดคลุ้มคลั่งคว้าปืนแก๊ปที่แขวนอยู่ภายในห้องนอนออกมาข่มขู่ นางธิดารัตน์ ให้ถอยห่าง ก่อนที่จะอุ้มเอาลูกน้อยวัย 4 ขวบ ที่นอนอยู่เดินเข้าป่าหลังบ้านโดยได้บอกว่า “จะเอาไปฆ่าทิ้ง มีคนสั่งให้ฆ่า” นางธิดารัตน์ พยายามวิ่งตามเพื่อที่จะแย่งลูกคืน ระหว่างนั้นนายชายบุญรับ ได้เล็งปืนแก๊ปยิงนางธิดารัตน์ แต่ปืนเกิดขัดข้องยิงไม่ออก ทำให้นางธิดารัตน์ แย่งลูกสาวจากมือสามีมาได้สำเร็จ แต่ขณะที่กำลังแบกลูกขี่หลังเดินออกมาจากป่า นายชายบุญรับ ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ทำให้กระสุนปืนกระจายถูกนางธิดารัตน์ และลูกจนล้มฟุบลงจมกองเลือด นายชายบุญรับ ได้ถือปืนแก๊ปวิ่งหนีเข้าป่าไป
หลังจากเกิดเหตุ ชาวบ้านจึงช่วยนำร่าง 2 แม่ลูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลในท้องที่ อ.ปาย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนมีการลำเลียงส่งรักษาต่อที่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่
กระทั่งต่อมา ได้ติดตามพบศพนายชายบุญรับ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ในป่า ซึ่งเป็นเหวลึก จึงแจ้งเจ้าพนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หลังจากเกิดคลลุ่มคลั่งยิงเมีย และลูกแล้ว ระหว่างหลบซ่อนตัวอยู่ในป่ายาบ้าเริ่มหมดฤทธิ์ลง นายชายบุญรับ เกิดสำนึกผิดจึงใช้อาวุธปืนแก๊ปกระบอกเดียวกันยิงตัวตายเพื่อหนีความผิด
ด้านนายแพทย์อมรชัย กิรชนิกรกุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ศัลยกรรมทั่วไป โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวถึงอาการของ ด.ญ รัตน์สุดา ประวินไพร อายุ 4 ขวบ เหยื่อกระสุนพ่อเมายาบ้า ว่า ตอนที่เด็กถูกส่งตัวมาวันแรกมีบาดแผลจากการถูกยิง 3 แห่ง ลักษณะของกระสุนที่อยู่ในบาดแผลแต่ละแห่งเป็นลักษณะการแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กๆ คือ บริเวณลำตัวตรงช่องท้อง ศีรษะด้านหลัง และบริเวณกระดูกไขสันหลัง ทั้งยังพบว่า บาดแผลบริเวณช่องท้องมีลำไส้ฉีกขาด จึงได้ทำการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยถือว่าปลอดภัยดีแล้ว
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ บาดแผลบริเวณกระดูกไขสันหลังที่ทำให้เด็กมีอาการขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง แต่อาการโดยรวมทั่วไปถือว่ายังทรงตัวอยู่
สำหรับการผ่าตัดส่วนที่ 2 ตอนนี้หมอทางด้านศัลยกรรมประสาท มีแผนในการผ่าเอากระสุนที่บริเวณศีรษะ และบริเวณไขกระดูกสันหลังออกให้มากที่สุด และอาจจะใช้เวลารักษาอย่างต่ำประมาณ 1 เดือน เพื่อดูอาการของเด็ก เพราะต้องดูว่าจุดที่ถูกกระสุนไม่ไปกดทับกับระบบประสาท ซึ่งหากกระสุนไปกระทบกับระบบประสาทที่สำคัญ เด็กก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป
“ส่วนการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดจะเป็นหน้าที่ของหมอกายภาพบำบัด ที่จะเข้ามาฟื้นฟูสภาพร่างกายของเด็ก เพราะจุดบริเวณไขสันหลังที่ได้รับการกระทบกระเทือนต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู หมอก็กำหนดระยะเวลาไม่ได้ว่าจะหายดีเป็นปกติเมื่อไหร่”
นายแพทย์อมรชัย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับอาการของ นางธิดารัตน์ ประวินไพร อายุ 21 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ก็โดนยิงที่บริเวณช่วงท้อง บริเวณปอด ทำให้มีอาการลมรั่วในปอด จึงได้รักษาโดยการใส่ท่อระบายเพื่อให้เลือดเสียในช่องปอดระบายออกมาให้หมด และหลังจากการเอกซเรย์บริเวณช่วงท้อง ถือว่ายังโชคดีที่กระสุนไม่กระทบต่อเด็กที่อยู่ในครรภ์ อาการโดยทั่วไปในขณะนี้ไม่น่าเป็นห่วง และแพทย์ให้ดูอาการประมาณ 1 อาทิตย์ หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนแพทย์ก็คงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
ขณะที่ นางธิดารัตน์ ซึ่งมีอาการดีขึ้น กล่าวให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองมีลูกสาว 1 คน และอีก 1 คนอยู่ในท้อง ซึ่งตอนนี้มีอายุครรภ์ได้ 5 เดือนเศษแล้ว ส่วนทางบ้านมีอาชีพทำนา ปลูกข้าวอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ถ้าลูกสาวหายดีแล้ว และได้ออกจากโรงพยาบาลก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ของตนเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร เพราะหัวหน้าครอบครัวก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว
“ตอนนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องคอยเฝ้าไข้ลูกสาว โดยได้รับความช่วยเหลือจากครูที่โรงเรียนบ้านเด็กเล็กที่อยู่ข้างโรงพยาบาล ให้ที่พัก และอาหารในช่วงที่ลูกสาวรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”
สำหรับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้เบื้องต้นอยู่ที่ 128,390 บาท ซึ่งเป็นค่าผ่าตัด ค่าอุปกณ์ ค่าเอกซเรย์ และค่ารักษาอื่นๆ อีก ซึ่งใช้สิทธิบัตรทองในการรักษา ทำให้แบ่งเบาค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควร แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มที่จะต้องจ่ายเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหาที่ไหน และยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าลูกสาวจะหายเป็นปกติ หรืออาจจะต้องเป็นอัมพาต
“ถ้าลูกเป็นอัมพาตจริงก็ต้องลำบากมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องดูแลกันไปตลอดชีวิต”