กาญจนบุรี - “ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล” นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ ม.มหิดล วิทยาเขตไทรโยค ชี้เหตุแผ่นดินไหว 4.8 ริกเตอร์ในพื้นที่สังขละบุรีเป็นเรื่องปกติ มั่นใจไม่กระทบ 2 เขื่อนใหญ่ เผยทุกปีไหวมากกว่า 100 ครั้ง แต่ครั้งนี้แรงไปหน่อยจนประชาชนรู้สึกได้ ด้านชาวสังขละบุรี เผยขณะเกิดเหตุกำลังแปรงฟันก่อนเข้านอนถึงกับเซ โชคดีคว้าขอบอ่างได้ทัน จากการตรวจสอบความเสียหายพบบ้านเรือนชาวมอญมีรอยแตกร้าวเสียหายหลายหลัง ข้าวของเครื่องใช้ตกลงมาแตก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (15 ก.ค.) ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในเวลา 21.55 น. ของวันที่ 14 ก.ค.58 ตามเวลาในประเทศไทย ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ละติจูด 15.01 องศา และลองจิจูด 98.47 องศา ความลึก 4 กิโลเมตร ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 27.21 กิโลเมตร ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 97.15 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดกลาง สามารถรับความรู้สึกได้ จากการตรวจสอบเขื่อนด้วยเครื่องมือวัดอัตราเร่งมีแรงมากระทำต่อตัวเขื่อนฯ ขนาด 0.013 G มีค่าต่ำกว่าค่าที่ออกแบบไว้ขนาด 0.1 G ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง
“ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่า รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ มีโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ทุกเมื่อ ส่วนจะคาดการณ์ว่าจะเกิดเมื่อไหร่นั้นคงเป็นไปไม่ได้” ดร.ปริญญา กล่าว
ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า สำหรับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่า “เป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะในแต่ละปีพบว่า รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์เกิดขึ้นนับร้อยครั้งต่อปี แต่ประชาชนไม่ได้รู้สึกว่าเกิดแผ่นดินไหว แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นค่อนข้างแรงไป จึงทำให้ประชาชนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ส่วนความกังวลว่าแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์หรือไม่นั้น ตนมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อเขื่อนทั้ง 2 แห่งอย่างแน่นอน”
ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตไทรโยค เปิดเผยต่อว่า จากการศึกษาค้นคว้ารอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พบว่า รอยเลื่อนแผ่นดินไหวนั้นใหญ่มากครอบคลุมไปทั้งทวีปอินเดีย ออสเตรเลีย มันเชื่อมกันอยู่เพราะข้างล่างมันเป็นแผ่น มันไม่ใช่รอยแยกแบบที่เราเห็นเป็นรอยเล็กๆ เหมือนรอยเลื่อนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
เช่น รอยเลื่อนบริเวณเกาะไอซ์แลนด์ แผ่นดินมันก็จะแยกกันกลางมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ทะเลลงไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร มันก็จะมีรอยแยกใต้พื้น ซึ่งแตกต่างกับรอยแยกของบ้านเราซึ่งเป็นรอยเลื่อนธรรมดา ไม่ใช่รอยเลื่อนที่จะทำให้มีการเกิดแผ่นดินไหวได้รุนแรงขนาดนั้น
ส่วนที่ใกล้บ้านเราที่สุด และสามารถทำให้แผ่นดินไหวได้ขนาด 8-9 ริกเตอร์ ก็คือ รอยตะเข็บระหว่างอินเดีย-ออสเตรเลีย กับยูเรเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเราประมาณ 500 กิโลเมตร อยู่ในเกาะอันดามันนิโคบา ที่อยู่ระหว่างชายแดนพม่า กับประเทศอินเดียในทะเลอันดามัน มันเป็นเกาะในแนวเหนือใต้ ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟ
ส่วนรอยเลื่อนที่อยู่ใกล้บ้านเราเข้ามาอีกก็คือ รอยเลื่อนสะเกียง หรือที่พม่าเรียกว่ารอยเลื่อนสะกาย ที่อยู่แนวเหนือใต้ ซึ่งมันอยู่ระหว่างแนวตะเข็บธรณี รอยเลื่อนสะกายเป็นรอยเลื่อนแบบเฉือนเลียบขวา คือ บล็อกที่อยู่ฝั่งตะวันตกมันเลื่อนไปทางซ้าย ส่วนที่อยู่ทางตะวันออกที่อยู่ทางฝั่งบ้านเรา มันก็เคลื่อนที่ไปด้วยแต่มันเคลื่อนที่ช้ากว่า ที่สำคัญคือ ในรอยเลื่อนสะกายคุณภาพรอยเลื่อนมันเอียงไปทางตะวันตก เพราะฉะนั้นการเกิดแผ่นดินไหวมันก็จะเกิดไปทางทิศตะวันตก ซึ่งฝั่งตะวันตกเป็นฝั่งประเทศพม่า
ส่วนรอยเลื่อนในประเทศของเราเป็นรอยเลื่อนแขนง ซึ่งไม่น่าเป็นห่วงเท่าทางเหนือโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งน่าเป็นห่วงกว่ารอยเลื่อนที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมากกว่า เพราะว่าทางเหนือมันไม่มีอะไรกั้น ส่วนเมืองกาญจนบุรี ยังมีมหาสมุทรแปซิฟิกกั้นเอาไว้ อย่างรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ เมื่อหลายปีมันเคยฉีกมาก่อน แต่โอกาสที่จะฉีกรุนแรงนั้นมีน้อยมาก เพราะข้างล่างมันมีรอยเลื่อนระนอง คอยดันเอาไว้ซึ่งเป็นข้อดี
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมาพิสูจน์กันอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้ทางกรมทรัพย์ และมหาจุฬาฯ ได้เข้ามาปักจีพีเอสอยู่หลายแห่งที่บริเวณตามแนวรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
นอกจากนั้นเราได้จับจีพีเอส สเตชัน เพื่อหาดูว่ามีสิ่งใดเคลื่อนไหวน่าผิดสังเกตหรือไม่ และอีกประเด็นคือเราได้ขอแรงครู และนักเรียน ที่ตั้งอยู่ตามแนวลำน้ำแควน้อย ให้ช่วยกันสังเกตพฤติกรรมของสัตว์บ้าน รวมทั้งสัตว์ป่า ถ้าหากสัตว์มีพฤติกรรมอะไรที่ผิดปกติ เราก็จะได้ดูว่ามีความสัมผัสกับวิบัติภัยในลักษณะนี้หรือไม่ ซึ่งมีกรณีเดียวที่ประเทศจีนได้ศึกษาถึงพฤติการณ์ของสัตว์ ซึ่งสามารถอพยพผู้คนของเขาได้จำนวนหลายแสนคนก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในครั้งนั้น
โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าในประเทศไทยจะมีบ่อพุน้ำร้อนทั้งหมดประมาณ 95 บ่อ ส่วนทางภาคเหนือบ่อน้ำร้อนจะมีอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 80-100 องศา ซึ่งสามารถต้มไข่ให้สุกได้เลย ส่วนทางภาคใต้ก็มีอุณหภูมิสูง 60-80 องศา สำหรับจังหวัดกาญจนบุรีบ่อพุน้ำร้อนที่มีอยู่มีอุณหภูมิความร้อนบวกลบกันแล้วไม่เกิน 40 องศา ซึ่งถือว่าอยู่ในภาวะปกติ ข้อมูลนี้ได้มาจากกรมทรัพย์ฯ โดยอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตามบ่อพุน้ำร้อนต่างๆ นั้นก็มาจากการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งจากการเปรียบเทียบสถิติการเกิดแผ่นดินไหวพบว่าทางภาคเหนือจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยมาก และมีโอกาสสูญเสียอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ก็อยากฝากไปถึงประชาชนว่าขั้นตอนการระวังหลักๆ มีอยู่ 2 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว จะต้องเก็บภาชนะสิ่งของ ให้มั่นคงแข็งแรงโดยเฉพาะภาชนะที่แขวนเอาไว้เพื่อโชว์ และขั้นตอนที่ 2 คือขณะเกิดเหตุจะต้องรีบออกมานอกอาคารบ้านเรือนให้เร็วที่สุด
แต่ถ้าหากออกมาไมทันก็ให้ก้มหลบตามมุมตึกหรือให้เข้าไปหลบใต้โต๊ะหรือเตียงเพื่อป้องกันสิ่งของหรือภาชนะที่แขวนเอาไว้โชว์ตกหล่นใส่ได้รับบาดเจ็บ
"ส่วนการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนจะต้องมีความพิถีพิถันต้องสร้างให้ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกร" ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ด้านนายบรรจง รัมมะอรรถ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เล่าเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวว่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวตนกำลังยืนแปลงฟันอยู่ในห้องน้ำ ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังลั่นขึ้นมาจากภายนอก และเกิดอาการเซเกือบล้มในห้องน้ำแต่ยังโชคดีที่ตนสามารถคว้าขอบอ่างน้ำเอาไว้ได้
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นได้ไม่นานนักจากนั้นตนจึงรีบเดินออกมาดูที่หน้าบ้าน เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็พบว่าที่ท้องถนนไม่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์วิ่งตามปกติ ไม่นานเพื่อนที่อยู่ในตลาดเทศบาลก็ไลน์มาบอกว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหว รู้ตัวหรือเปล่า ซึ่งตนก็ตอบไปตามความเป็นจริง
นายเจริญ ศรีเริ่มสกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนนานประมาณ 2 นาที ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ที่วางอยู่สั่นไหวตามไปด้วย ทุกคนในครอบครัวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และช่วงขณะเกิดเหตุมีเพื่อนบ้านไปนั่งตกปลาอยู่สะพานลูกบวบ ข้างสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ ก็เห็นคลื่นน้ำกระเพื่อมสูงขั้นมามากกว่าปกติ จากการสอบถามไปยังลูกบ้าน ต่างรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นกัน และทุกคนต่างก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ออกสำรวจความเสียหายตามบ้านเรือน พบว่าทุกครัวเรือนไม่มีอะไรเสียหาย สำหรับโบราณสถานที่มีอยู่ตามวัดต่างๆ ก็ไม่มีอะไรเสียหายเช่นกัน มีเพียงอาคารโรงพยาบาลสังขละบุรีเพียงแห่งเดียวที่ได้รับความเสียหาย พื้นและผนังรวมทั้งหลังคาที่ทำด้วยปูนเกิดแตกร้าว อยู่ระหว่างการสำรวจของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ล่าสุดนายชาธิป รุจนเสรี นายอำเภอสังขละบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปสำรวจบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ชุมชนชาวมอญ หมู่ 2 ต.หนองลู ขณะสำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า บ้านเรือนมีรอยแตกร้าวหลายหลัง ข้าวของเครื่องใช้ เช่น ทีวี ตกลงมาแตกเสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางช่วยเหลือในเบื้องต้น