สุรินทร์ - ฮือฮา! เถ้าแก่เมืองช้างเพาะ “ถั่งเช่าสีทอง” จากตัวดักแด้ไหมสำเร็จเป็นเจ้าแรกของภาคอีสาน ขาย กก.ละ 6-8 หมื่นบาท และไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด กลายเป็นบูทที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดในงานเกษตรแห่งชาติ จ.สุรินทร์ ประจำปี 2558
วันนี้ (14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านเรือนไหม-ใบหม่อน กลายเป็นบูทแสดงและจำหน่ายสินค้า ได้รับความสนใจจากประชาชนและมีผู้เข้าชมคึกคักที่สุด ในงานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2558 จัดขึ้นที่สนามหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและเทคโนโลยีด้านการเกษตร การเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ทางการเกษตรและเทคโนโลยี ซึ่งมีการออกบูทของแต่ละหน่วยงานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากร้านเรือนไหม-ใบหม่อนมีสินค้า “ถั่งเช่า” สายพันธุ์สีทอง เพาะเลี้ยงจากตัวดักแด้ไหมในห้องปลอดเชื้อและควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งทางร้านเพาะเลี้ยงขึ้นเอง นำมาจัดแสดงและจำหน่ายในรูปแบบถั่งเช่าแห้งราคาขายส่ง 60,000-80,000 บาท/กิโล กรัม และมีผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าพร้อมดื่มด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สามารถเพาะถั่งเช่าสายพันธุ์สีทองได้ประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ผลิตจากใบหม่อน ดักแด้ไหมต่างๆ เช่น หม่อนสกัด 100 %, ดักแด้กระป๋องปรุงรส, สบู่โปรตีนไหม มาจำหน่ายอีกด้วย
นายศิวณัฎฐ์ ภูพิเศษศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) เรือนไหม-ใบหม่อน เปิดเผยว่า ถั่งเช่าเป็นเห็ดชนิดหนึ่งดั้งเดิมมาจากทิเบต เป็นเชื้อราที่เข้าไปเพาะตัวอยู่ในตัวหนอน ซึ่ง “ถั่งเช่า” เป็นภาษจีนแปลว่าหญ้าหนอน คือฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า โดยถั่งเช่ามีสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงอยู่ 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วย 1. ถั่งเช่าทิเบต 2. ถั่งเช่าหิมะ 3. ถั่งเช่าสีทอง 4. ถั่งเช่าว่านจักจั่น ซึ่งถั่งเช่าที่เรานำมาเพาะเลี้ยงเองนี้เป็นถั่งเช่าสีทอง โดยเพาะเลี้ยงในห้องปลอดเชื้อควบคุมอุณหภูมิ และใช้ดักแด้ไหมเป็นโปรตีนเสริม มีระยะเวลาในการเลี้ยง 5 เดือน ก่อนนำส่งขายในรูปแบบถั่งเช่าแห้ง ปัจจุบันราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 60,000-80,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบถั่งเช่าพร้อมดื่ม ในอนาคตจะทำเป็นรูปแบบถั่งเช่าเม็ดจำหน่ายด้วย และขณะนี้กำลังพัฒนาไปสู่การเพาะเลี้ยงถั่งเช่ามาจากดักแด้ไหมโดยใช้ดักแด้ไหม 100% ในการเพาะเลี้ยง ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย
นายศิวณัฎฐ์กล่าวต่อว่า ข้อแตกต่างระหว่างถั่งเช่าทิเบต กับถั่งเช่าสีทอง คือ ถั่งเช่าทิเบตเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในหนึ่งฤดูเก็บได้เพียงครั้งเดียวและมีปริมาณไม่มากจึงทำให้ราคาแพง อยู่ที่ 150,000-200,000 บาท/กิโลกรัม ส่วนคุณสมบัติและสรรพคุณนั้นใกล้เคียงกัน แต่ถั่งเช่าสีทองราคาถูกกว่า ในประเทศไทยเท่าที่ทราบมีการผลิตอยู่ที่กรุงเทพฯ จ.สิงห์บุรี และ จ.เชียงใหม่ สำหรับ จ.สุรินทร์ ถือว่าห้างหุ้นส่วนเรือนไหม-ใบหม่อนเป็นเจ้าแรกของจังหวัดและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เพาะเลี้ยงถั่งเช่าสีทองเพื่อจำหน่ายได้สำเร็จ
“ถั่งเช่าสีทอง” มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารคอร์ไดซีปิน (Cordycepin) หรือคอร์ไดซีปิก แอซิด (Cordycepic acid) เช่นเดียวกับถั่งเช่าจากทิเบต ซึ่งช่วยดึงเอาออกซิเจนมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อร่างกายมีอาการเหนื่อยล้า หรือต้องขึ้นที่สูง จะช่วยให้เราไม่เหนื่อยง่าย ทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับออกซิเจนได้สูงขึ้น
ใน “ถั่งเช่าสีทอง” ยังพบสารโพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharide) หรือเบตากลูแคน(Beta glucan) โดยปกติพืชทั่วไปมักพบเบตากลูแคน 14 แต่ในถั่งเช่าสีทองจะพบเบตากลูแคน 13 ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของเราสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมา และถั่งเฉ้ายังช่วยบำรุงตับบำรุงไต ให้ตับและไตสามารถทำงานได้อย่างสมดุลกัน สำหรับคนทั่วไปจะเรียกเห็ดตัวนี้ว่า “ยาโด๊ป”
ด้านนายอาทร แสงโสมวงศ์ ผู้จัดการ หจก.เรือนไหม-ใบหม่อน กล่าวว่า ที่ตั้งโรงงานเรือนไหม-ใบหม่อน อยู่ที่ ม.8 บ้านกะทม ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ขณะนี้มีห้องเพาะถั่งเช่าอยู่ 1 ห้อง เป็นห้องปรับอากาศขนาด 2.5x2.5 เมตร ใช้งบฯ ก่อสร้างไม่เกิน 5 หมื่นบาท ปัจจุบันโรงงานมีผลผลิตที่เป็นถั่งเช่าสด 100 กก.ต่อ 5 เดือน เมื่อนำมาทำเป็นถั่งเช่าแห้งได้ประมาณ 10 กก. จำหน่ายราคาขายส่งกิโลกรัมละ 6-8 หมื่นบาท และผลผลิตยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด ลูกค้าส่วนมากเป็นโรงงานผลิตเกี่ยวกับยาอยู่ที่กรุงเทพฯ นำไปผลิตถั่งเช่าแคปซูลจำหน่าย