นครปฐม - นายก อบต.แห่งหนึ่งในนครปฐม นำ 4 ทรชนที่ร่วมกันฉุดสาววัย 19 กลางเมืองนครปฐมไปกักขังหน่วงเหนี่ยวหมายข่มขืนนานถึง 3 วัน เข้ามอบตัวตำรวจ แต่ ผบก.นครปฐมไม่ยอม สั่งขออนุมัติหมายจับ 3 ข้อหารวด และหากสอบสวนพบพฤติกรรมเพิ่มก็จะเพิ่มข้อหาอีก ด้านสาวเหยื่อถูกฉุดเผยต่อสู้กับคนร้ายจนรอดตัว ขณะที่ลุงเหยื่อสาวลั่นไม่มีการเคลียร์เด็ดขาด หลังมีนักการเมืองมาขอเจรจาให้ยุติ ลั่นทำเพื่อศักดิ์ศรีหลานสาว ไม่ใช่ต้องการเงิน ขณะที่ญาติ 2 ฝ่ายเปิดฉากตบกันบนโรงพัก
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ที่ถูกคนร้าย 4 คน ลวงซื้อสินค้าทางหน้าเฟซบุ๊กแล้วฉุดขึ้นรถไปหวังข่มขืนเป็นเวลานานถึง 3 วัน แต่ฝ่ายหญิงพยายามต่อสู้จนตัวเองรอดจากการถูกข่มขืน ก่อนที่คนร้ายทั้งหมดจะนำตัว น.ส.น้ำ มาทิ้งไว้ที่ ปั๊ม ปตท.ลาดหญ้าแพรก ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อเวลา 20.30 น.คืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ญาติจะมาพบในสภาพอิดโรย และหวาดกลัว มีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย และนำตัวเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม
โดยบรรยากาศตั้งแต่เวลา 10.00 น.วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ห้องพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม นายปรีชา ศรีด้วง อาจารย์โรงเรียนวัดวังตะกู อ.เมือง จ.นครปฐม ได้พา น.ส.น้ำ เข้าพบ ร.ต.ท.หญิงเยาวลักษณ์ พะณะงาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม อีกครั้งเพื่อให้ปากคำ หลังจากกลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ โดยมี ร.ต.อ.รัชวิชญ์ บุญมีลาภ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เจ้าของคดีได้ร่วมเก็บข้อมูลเพื่อรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครปฐม ต่อผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายสายันต์ รุ่งสว่าง หรือเอ็กซ์ บางแพ อายุ 26 ปี นายกิตติพงษ์ สินประเสริฐ หรือโต๊ด อายุ 22 ปี นายจตุพร สินทรัพย์ อายุ 28 ปี หรือหนุ่ม และนายกบ หลังจากผู้เสียหายได้ให้ปากคำไว้เป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน
หลังให้ปากคำ น.ส.น้ำ ได้เล่านาทีที่ตนเองถูกชายฉกรรจ์ทั้งหมด 4 คนฉุดว่า ตนกำลังจะกลับมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ในสาขาศิลปะ เพื่อเดินตามรอยบิดาที่เป็นครูศิลปะ หลังจากเมื่อปีก่อนไปศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร ทางด้านบัญชี แต่ทางครอบครัวเห็นว่าไปอยู่หอพักคนเดียวในกรุงเทพฯ เกรงจะไม่ปลอดภัย ตนจึงให้กลับมาที่บ้าน โดยระหว่างที่รอจะเปิดเทอมก็ได้ไปช่วยแม่ขายผักที่แผงในตลาดปฐมมงคล เป็นประจำ
โดยก่อนหน้าตนได้เปิดเฟซบุ๊กขายเสื้อผ้า และครีมทาหน้าไปด้วย ซึ่งนายสายันต์ หรือเอ็กซ์ ได้เข้ามากดไลก์ และโพสต์แซวตนบ่อยครั้ง และพยายามจะจีบแต่ตนได้บอกปัดไปตลอดว่ามีแฟนแล้ว และไม่ได้สนใจ จากนั้นก็มี นายจตุพร หรือหนุ่ม จะเข้ามาสนทนาในเฟซและสั่งซื้อเสื้อก่อนจะหายหน้ากันไป
ต่อม าก็ได้กลับมาสั่งเสื้อตนอีก จนถึงช่วงมืดในวันเกิดเหตุวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำเสื้อที่ได้สั่งไว้ไปส่ง โดยนัดที่หน้าร้านข้าวต้มอ้วน สี่แยกทุ่งพระเมรุ เขตเทศบาลนครนครปฐม ห่างจากถนนเพชรเกษม 200 เมตร เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตนได้ขี่จักรยานยนต์ไปกับเพื่อนเมื่อส่งสินค้ากำลังจะรับเงิน นายสายันต์ หรือเอ็กซ์ และนายจุตพร หรือหนุ่ม ได้ช่วยกันอุ้มตนขึ้นรถกระบะที่มาจอดรอ ซึ่งตนยังตกใจต่อเหตุการณ์ และได้พยายามร้องขอชีวิต
แต่คนร้ายทั้งหมดซึ่งได้ดื่มเหล้ามาได้บอกว่าจะเอาไปทำเมียไม่ได้เอาไปฆ่าไม่ต้องกลัว และตนพยายามจะโทรศัพท์ไปหาพี่ชาย แต่ก็โดนยึดโทรศัพท์หักซิมการ์ดทิ้ง และพาไปยังสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ทั้งใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านญาติของนายเอ็กซ์ เป็นกระท่อมกลางทุ่ง เหมือนเป็นที่เลี้ยงวัว โดยมีชายแก่ดูแลอยู่ และคืนนั้น นายเอ็กซ์ ได้พยามข่มขืนแต่ตนได้พยามขัดขืนสุดชีวิตเพื่อไม่ให้เสียตัวต่อกลุ่มของคนร้าย
“พอไปถึงที่กระท่อม นายเอ็กซ์ ได้พยามยามข่มขืนหนูหลายครั้ง แต่หนูก็สู้สุดชีวิต ทั้งกัดจมูก ถีบจิกหัว และทำทุกอย่างที่จะทำได้ จนนายเอ็กซ์ ถอดใจ และออกไปคุยกับเพื่อนทั้ง 3 คนว่าหนูไม่ยอม แต่เพื่อนๆ ก็บอกว่าไหนๆ ก็ฉุดมาแล้วให้พยายามทำให้สำเร็จ แต่หนูก็ไม่ยอม จนคืนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ และได้เปลี่ยนสถานที่โดยมีคนขับรถเก่งยี่ห้อแจ๊ซ นำทางรถกระบะที่หนูนั่งไปด้วยทุกครั้ง”
น.ส.น้ำ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็ได่พาตนไปที่ตึกเก่าๆ อีกแห่งหนึ่งโดยได้จะไปเจอเจ้าของบ้านที่เป็นคนรุ่นเดียวกับคนร้าย และนายเอ็กซ์ ได้พยายามจะข่มขืนตนอีก แต่ตนก็สู้สุดแรงอีกคราวนี้มีเจ้าของบ้านโพกหน้ามาในห้อ งและบอกว่าให้ยินยอม ถ้าไม่ยอมจะฆ่าทิ้งหรือรุมโทรม แต่คืนนั้นตนมีประจำเดือนพวกนี้จึงหยุด และได้พาไปที่บ่อกุ้งร้างรออยู่จนเช้า ก่อนจะพาไปที่บ้านของคนชื่อเอก ซึ่งอยู่แถวๆ บางแพ
“วันนั้นนายเอ็กซ์ พยายามจะขืมข่นหนูอีกครั้ง คราวนี้หนูเอาผ้าห่มมาพันห่อตัวเป็นดักแด้เพื่อให้เขาทำอะไรไม่ได้ และพูดไปให้ฟังชัดเจนว่า ถ้าคิดจะข่มขืนหนูขอให้ข่มขืนศพหนูแล้วกัน เพราะหนูไม่ยอมแน่ๆ ซึ่งหนูเชื่อว่ามีการวางแผนมาแล้ว เพราะมีการมาส่งข้าวส่งน้ำ และน้ำมันเพื่อสำหรับเติมรถกระบะตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มีการเข้าปั๊มน้ำมัน”
น.ส.น้ำ เล่าต่ออีกว่า ต่อมาคนร้ายทั้ง 4 คนได้พยายามกล่อมตนโดยบอกให้ตนยอม พร้อมกับบอกว่าเมื่อกลับไปแล้วจะเสียเงินเท่าไหร่ ทำพิธีรับขวัญยังไงก็ยอม แต่ตนก็ไม่รับข้อเสนอ และพยายามเจรจาดีๆ ด้วยตลอด เพื่อให้คนร้ายเปลี่ยนใจ กระทั่งช่วงกลางวันคนร้ายรู้ว่ามีตำรวจมาตามตัว รวมถึงพ่อกับแม่ที่ออกตามหา คนร้ายจึงมาบอกว่าจะพากลับบ้าน แต่ขอให้เคลียร์กับตำรวจก่อนแล้วจะพาไปส่ง เพราะตอนนี้ต้องหนีแล้ว จนถึงช่วงเย็นได้มีรถกระบะมารับนายกบ และหนุ่ม เพื่อจะหลบหนี มีเพียงนายเอ็กซ์ และนายโต๊ด ที่เริ่มแตกเสียงกันทั้งคู่จึงไม่ได้ไปด้วย และได้ขับรถมาส่งตนที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ลาดหญ้าแพรก ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม ก่อนจะโทร.ให้พ่อกับแม่มารับ
“หนูตั้งใจจะยอมตายถ้าต้องเสียตัวให้แก่นายเอ็กซ์ เพราะไม่ได้มีความรักให้ หนูมีแฟนแล้ว เขาเพิ่งสมัครเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่จังหวัดราชบุรีเมื่อไปนานมานี้ ถ้าจะเป็นแบบนั้นหนูยอมตาย แล้วตอนที่ถูกฉุดไปก็พยายามจะหาวิธีกลับบ้านให้ได้ โดยตลอดระยะเวลาทั้ง 3 วัน หนูไม่ยอมกินข้าวที่เขาเอามาให้ เพราะกลัวเขาเอายานอนหลับมาใส่ให้กิน คนที่ลงมือกับหนูมากที่สุดคือ นายเอ็กซ์ เพราะวันแรกก็ทำร้ายร่างกาย แล้วอยู่มาอีกวันมีคนมาบอกว่านายหนุ่ม ก็ชอบหนูด้วยเช่นกัน 3 วันนั้นหนูเครียดมากเหมือนตกนรก แถมเมื่อกลับมาบ้านยังมีคนมาบอกว่าคนร้ายทั้ง 4 คนได้มาบอกว่าหนูเสียตัวให้เขาไปแล้ว ทำให้รู้สึกอับอาย แต่การตรวจภายในจากแพทย์หนูก็เอามายืนยันด้วยแล้วว่า หนูไม่ได้โดนข่มขืน เหลือเพียงตรวจร่างกายภายนอกว่าจะได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง” น.ส.น้ำ กล่าว
วันเดียวกัน 4 คนร้าย ประกอบด้วย นายสายันต์ รุ่งสว่าง หรือเอ็กซ์ บางแพ อายุ 26 ปี นายกิตติพงษ์ สินประเสริฐ หรือโต๊ด อายุ 22 ปี นายจตุพร สินทรัพย์ อายุ 28 ปี หรือหนุ่ม และนายกบ ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองนครปฐม โดยมีนายกองค์การบริการส่วนตำบล (นายก อบต.) แห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม นำตัวมาพร้อมหลักฐาน และทรัพย์สินสำหรับประกันตัวเพื่อเข้าพบต่อพนักงานสอบสวน โดยมีญาติพี่น้องติดตามมาหลายคน
เช่นเดียวกับฝั่งของผู้เสียหาย ซึ่งมีนายเอก ห้วยหงษ์ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ทัพหลวง อ.เมืองนครปฐม เป็นลุงได้เดินทางเข้ามาดูตัวคนร้ายทั้ง 4 คน และพยายามจะเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์แต่คนร้ายได้พยามยามปฏิเสธว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย จนเกิดมีปากเสียง และทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด
ต่อมา พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้เดินทางมาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง พร้อมสั่งตั้งทีมสอบสวนอย่างละเอียด ซึ่งทั้ง 4 คนได้สารภาพว่าเป็นผู้ลงมือจับตัว น.ส.น้ำ ไปจริง จึงได้สั่งการให้มีการขออนุมัติหมายจับกุมจากศาลจังหวัดนครปฐม และตั้งข้อหาเบื้องต้นไว้ 3 ข้อหา คือ “กักขังหน่วงเหนี่ยวพาไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร” ซึ่งหากสอบสวนพบพฤติกรรมเพิ่มเติมจะมีการเพิ่มข้อกล่าวหาต่อไป และสั่งงดไม่ให้มีการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะถือเป็นคดีที่ก่อเหตุแบบเย้ยกฎหมายกลางเมืองนครปฐม โดยกำชับให้ พ.ต.อ.ธนะวิทย์ กาญจนนฤนาท พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ติดตามในเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม และเด็ดขาด
“ส่วนกรณีนายสุพัฒน์ สินทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.บางแพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี บิดาของนายจตุพร หรือหนุ่ม ที่เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่มีธุรกิจรถบรรทุก และรถเทรลเลอร์หลายคันนั้นจะรู้เห็นด้วยต่อบุตรชายหรือไม่กำลังสอบสวนไปถึง ถ้าสาวถึงตัวจะมีการออกหมายจับเช่นกัน โดยยังมีบุคคลอีกหลายคนที่จะเข้าข่ายร่วมก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีอยู่ 2 คนที่มีคดีต้องโทษติดตัวอยู่ด้วย คือนายกบ อาจจะเป็นคดีฆ่าคนตายโดยจะสอบประวัติอีกครั้ง และนายหนุ่ม เป็นหนึ่งในกลุ่มของผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ร่วมกับเพื่อนๆ ใน จ.นครปฐมด้วย” ผบก.ภ.จว.นครปฐม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่มีการสอบสวนคนร้ายทั้ง 4 คน ทางญาติของผู้เสียหาย และผู้ก่อเหตุได้เกิดมีการเขม่นกันตลอดเวลา กระทั่งฝ่ายหญิงได้เดินมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเกิดมีปากเสียงกัน และได้ก่อเหตุตบกันกลางโรงพัก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาระงับเหตุและนำตัวผู้ก่อเหตุไปสงบสติอารมณ์ และเปรียบเทียบปรับเพื่อให้สถานการณ์ลดความตึงเครียด
ด้านนายเอก ห้วยหงษ์ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ลุงของ น.ส.น้ำ กล่าวว่า ตนยืนยันว่างานนี้จะไม่มีการยอมความ และจะไม่มีการเคลียร์กันใดๆ ทั้งสิน ทั้งหมดให้เป็นไปตามกฎหมาย และตนรู้มาว่ามีนักการเมืองพยายามจะเข้ามาเคลียร์กับตน และตำรวจเพื่อให้จบกันไป และบอกว่าต้องการเงินเท่าไหร่จะมาเสียให้ แต่ตนได้บอกไปว่า เงินไม่เกี่ยว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีผู้หญิง ถามว่าถ้าลูกหลานของคนที่จะมาเคลียร์ตรงนี้มาโดนแบบนี้บ้างเขาจะยอมหรือไม่
“ร่องรอยการทำร้ายร่างกายของหลานสาวผมก็มีอยู่ยังจะมาปฏิเสธ หลานผมจะมาทำร้ายตัวเองทำไม แบบนี้เรายอมไม่ได้เช่นกัน” นายเอก ห้วยหงษ์ทอง กล่าว