อุทัยธานี - ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษเมืองปากน้ำโพขึ้นบินปฏิบัติการ 108 เที่ยวใน 9 วัน ทำฝนโปรยเล็กน้อย-ปานกลางต่อเนื่อง จนมีน้ำขังท้องนา ฟื้นต้นข้าวก่อนแห้งตายแล้ว แต่อ่างเก็บน้ำยังวิกฤตไม่มีน้ำใหม่ไหลเข้า
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษ ซึ่งมีฐานบินอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยเครื่องบินทำฝนหลวงอีกจำนวน 4 ลำ ปรับแผนปฏิบัติการทำฝนเพื่อเข้าช่วยเหลือภัยแล้งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่การเกษตรภาคกลางทั้ง 14 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร
โดยเริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวงมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นมา ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-9 ก.ค.ได้ทำการบินโปรยสารเคมีทำฝนหลวงวันละ 12 เที่ยวบิน รวม 108 เที่ยวบิน โดยร้อยละ 50 จะขึ้นบินโปรยสารเคมีในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีทางทิศตะวันตกในพื้นที่เขตรักษาป่าห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นต้นลม ที่จะให้มีฝนตกในพื้นที่ทั้ง 14 จังหวัดภาคกลาง
ปรากฏว่าปฏิบัติการทำฝนหลวงที่ผ่านมาทำให้มีฝนตกลงเล็กน้อย-ปานกลาง ตามแนวเทือกเขาป่าห้วยขาแข้ง และในอีกหลายพื้นที่ เช่น อ.ห้วยคต อ.หนองฉาง ต่อเนื่องติดต่อกัน 3-4 วันแล้ว ทำให้พอมีน้ำขังในแปลงนาหล่อเลี้ยงต้นข้าวก่อนแห้งตาย
อย่างไรก็ตาม การทำฝนหลวงที่ผ่านมายังไม่สามารถทำให้น้ำไหลเข้าเติมอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรของชลประทาน ทั้งอ่างเก็บน้ำทับเสลา อ.ลานสัก และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต แต่อย่างใด จึงทำให้อ่างเก็บน้ำดังกล่าวยังคงวิกฤตอย่างหนัก