ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญของเชียงใหม่ตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ยอมรับรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี แต่ยังเชื่อจะคลี่คลายโดยเร็ว หลังอุตุฯ คาดตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.จะเริ่มมีฝนตกลงมาเพิ่ม
วันนี้ (8 ก.ค.) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางตรวจติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และตรวจดูสถานการณ์ปริมาณน้ำกักเก็บ รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง ตลอดจนลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ จากเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูก ซึ่งปีนี้ประสบภัยแล้งและขาดแคลนน้ำรุนแรงกว่าหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นไปตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรีต่อสถานการณ์ภัยแล้งและขาดแคลนน้ำในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน พร้อมทั้งเยี่ยมประชาชนและเกษตรกร โดยยอมรับว่าสถานการณ์ภัยแล้งนี้มีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นวงรอบอยู่แล้วในช่วงทุก 10 ปี ซึ่งเกษตรกรก็ได้มีการเตรียมพร้อมและจัดสรรการใช้น้ำที่มีอย่างประหยัดอยู่แล้ว
ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่สองแห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ยอมรับว่ามีปริมาณน้ำเหลือน้อยมาก และจะน่าเป็นห่วงมากหากสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาเลย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจติดตามและวิเคราะห์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปจะเริ่มมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งสองแห่งนี้ รวมทั้งเขื่อนทุกแห่งในประเทศมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการตรวจเยี่ยมเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ได้แสดงความชื่นชมการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเป็นอย่างยิ่ง ที่ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำจะเหลือน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2530 แต่ยังคงสามารถบริหารจัดการและจัดสรรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งน้ำเพื่อการเกษตร รักษาระบบนิเวศ และผลิตน้ำประปา โดยไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เห็นได้จากพื้นที่เกษตรในเขตชลประทานของเขื่อนที่ยังสามารถทำการเพาะปลูกได้ โดยเฉพาะการปลูกข้าวนาปีในปีนี้ในอำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม ที่เป็นรุ่นแรกๆ ของปี
สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ขณะนี้มีปริมาณน้ำในอ่าง 57.47 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 21.69 ของความจุอ่าง ซึ่งในจำนวนนี้สามารถเปิดระบายน้ำออกจากอ่างได้เพียงประมาณ 47 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ในขณะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการใช้น้ำเดือนละประมาณ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤตไม่มีฝนตกลงมาเลย ด้วยปริมาณน้ำที่มีอยู่ยังเพียงพอใช้ได้จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 58 ส่วนของเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำ 31.901 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 12.13 ของความจุอ่าง โดยน้ำส่วนใหญ่ต้องกักเก็บไว้ใช้เพื่อการผลิตน้ำประปาของเชียงใหม่ ที่มีการส่งน้ำให้วันละประมาณ 38,000 ลูกบาศก์เมตร